TMILL รับปริมาณขาย Q2 หดตัวเข้าโลว์ซีซั่น ลุ้นครึ่งปีหลังฟื้นตัว-รุกขยายฐานลูกค้าทั่วปท.
TMILL รับปริมาณขาย Q2 หดตัวเข้าโลว์ซีซั่น ลุ้นครึ่งปีหลังฟื้นตัว-รุกขยายฐานลูกค้าทั่วปท.
นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL กล่าวว่า บริษัทคาดว่าปริมาณการขายแป้งสาลีในไตรมาส 2/62 น่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 เนื่องจากเป็นช่วงของโลซีซั่น แต่ยังเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มทีมขายอีก 1 ทีม โดยในไตรมาสแรกบริษัทมีปริมาณการขายแป้งสาลีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22,700 ตัน จากไตรมาส 4/61 อยู่ที่ 20,548 ตัน
“แม้ว่าไตรมาส 2/62 จะปรับตัวลดลงจากไตรมาสแรก แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/61 จะยังเติบโตได้ เป็นไปตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี บวกกับไม่มีปัจจัยลบ เช่น สถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจโลก และอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนมากๆ ถ้าไม่มีปัจจัยเหล่านี้ปริมาณการขายก็น่าจะทำได้ดีขึ้น”นางแววตา กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าปริมาณการขายแป้งสาลีในครึ่งปีหลังน่าจะทำได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก ประกอบกับ พยายามเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้ารายเดิมด้วย โดยคาดว่าทั้งปีจะมีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากปัจจุบันอยู่ที่ 75.41%
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนติดตั้งหุ่นยนต์ (Robot) ในเฟสที่ 2 ภายใต้งบลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตในส่วนของการร่อนแป้ง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานได้ภายในปีนี้
สำหรับในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายปริมาณการขายแป้งสาลีจะเติบโตที่ 10% เป็นไปตามการขยายตลาดใหม่ๆ และการขยายกำลังผลิต โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว 60% ที่จะทยอยส่งมอบไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันก็จะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 17-19% และอัตรากำไรสุทธิที่ 7-9% แม้ว่าต้นทุนข้าวสาลีจะปรับตัวสูงขึ้นกดดันกำไรในไตรมาสแรก เนื่องจากปีก่อนราคาวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว แต่เชื่อว่าในช่วงปลายปีนี้ราคาวัตถุดิบน่าจะปรับตัวลดลง ทำให้ราคาเฉลี่ยสต็อกจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน