2 แสนล้าน..แล้วยังไงต่อ?

ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

มูลค่าการซื้อขายหุ้นกว่า  2 แสนล้านบาท เมื่อวันก่อนหน้านี้

ฟังดูแล้วอาจจะดูตื่นเต้น

เพราะทำสถิติมากสุดเป็นประวัติการณ์ และมาจากการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติด้วย

ทว่ากลุ่มนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า “ยังไม่ถือมีนัยสำคัญอะไร”

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ เป็นการลงทุนตามสัดส่วนหุ้นที่ได้เข้าคำนวณ และถูกปรับเพิ่มน้ำหนักจาก  MSCI ที่เขาจะดูเกณฑ์ เช่น  NVDR และอื่น ๆ เท่านั้น

ไม่ได้มีการเจาะลงไปที่พื้นฐานของหุ้นนั้น ๆ มากนัก

ทว่า นักวิเคราะห์อีกกลุ่ม มองว่า ต่างชาติเวลาเข้าซื้อหุ้น

ไม่มีซี้ซั้วแน่นอน

และเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติเหล่านั้น ก่อนจะเข้าซื้อหุ้นตัวไหน ย่อมต้องศึกษามาอย่างรอบด้านแล้ว

โดยเฉพาะ “พื้นฐาน” ของหุ้นนั้น ๆ  อัตราการเติบโตเป็นอย่างไร ราคาแพงไปหรือเปล่า และปัจจัยอื่น ๆ  เข้ามาประกอบ ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ

หากตัวไหนอยู่ในเป้าหมาย มีพื้นฐานดี แต่ราคาอาจจะแพงเกินไป

ก็ต้องหาวิธีกดราคาลงมาหน่อย

สังเกตไหมว่าหุ้นหลายตัวที่ต่างชาติเข้ามาซื้อในวันเทรดสนั่นทุ่งทะลุมิตินั้น

มีหลายตัวที่ราคาหุ้นลดต่ำลงแบบผิดสังเกต ทั้งที่ไม่ได้มีปัจจัยลบเข้ามากระทบอะไรเลย

ราคาหุ้นถูกกดจากวันก่อนหน้านี้  และเลยมาถึงช่วงเปิดตลาดภาคเช้า รวมถึงภาคบ่าย ก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงปิดตลาดหรือ  ATC  กว่า  1.3 แสนล้านบาท ในหุ้นหลายตัว

เหตุที่นักลงทุนต่างชาติเลือกที่จะปรับน้ำหนักการลงทุนในช่วง ATC

นั่นเพราะจะทำให้ได้ราคาที่ใกล้เคียงกับตัวชี้วัด หรือ Benchmark มากที่สุด

แต่อีกด้านก็ถูกมองว่า นี่คือ  zero sum game  ชัด ๆ

หรือมีผู้ชนะ ย่อมต้องมีผู้แพ้ และมีคน (นักลงทุน) ที่ถูกหลอก

เป็นการถูกหลอกทั้งให้ขายหมู และให้ตัดขาดทุน

เชื่อว่าบรรดากองทุนต่างรับรู้อยู่แล้วว่า วันนั้น ต่างชาติจะต้องเข้าซื้อ เลยสบช่อง  “ขายทำกำไร”  กันออกมามากเช่นกัน

และขายต่อเนื่องมาจนถึงเมื่อวานนี้อีกกว่า  4,670  ล้านบาท

ส่วนต่างชาติยังซื้อสุทธิกว่า  1,252 ล้านบาท (จากออเดอร์บางส่วนที่ยังไม่ครบ)

มีคำถามว่า แล้วต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรล่ะ

คำตอบ คือ ความตื่นเต้นแบบนี้ได้  “จบไปแล้ว” ครับ และทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

แม้อาจจะมีการเข้าซื้อของต่างชาติแบบตามน้ำเข้ามาได้อีก แต่ก็ไม่ได้มีจำนวนมากนักอย่างมีนัยสำคัญ เพราะจะต้องกลับไปมองปัจจัยทั้งต่างประเทศ และภายในของไทยเอง

เมื่อวานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดร่วง  12.68 จุด มาที่  1,619.36 จุด

มูลค่าการซื้อขาย  55,991  ล้านบาท

ดัชนีถูกทิ้งดิ่งช่วงท้ายตลาด ซึ่งน่าจะมาจากการขายของนักลงทุนสถาบันประเภทกองทุนนั่นแหล่ะ ที่เล่นเกมซื้อขายกับนักลงทุนต่างชาติอยู่

ในช่วงสั้น นักวิเคราะห์ต่างมองว่า ดัชนียังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ

แม้จะมีแรงซื้อจากต่างชาติเข้ามาวันก่อน รวมถึงวันถัดมาค่อนข้างมาก

แต่จะเห็นว่าไม่ได้ดันดัชนีไปไหนไกลซักเท่าไหร่

สุดท้ายแล้วต้องกลับมาดูปัจจัยเดิม ๆ  ทั้ง เทรดวอร์ หรือสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน การเมืองในประเทศ

และพื้นฐานของหุ้นตัวนั้น ๆ  เป็นหลัก

ทำให้บรรยากาศการลงทุนนับต่อจากนี้ มีแนวโน้มชะลอตัว

เพราะตอบรับปัจจัยบวกจากเงิน  MSCI ไปแล้ว