KCM ตั้งเป้ายอดขาย 2 พันล้านขึ้นผู้นำวัสดุก่อสร้างภาคอีสาน
ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง KCM ยังเดินหน้าล่าฝันของตัวเองต่อไปไม่หยุดหย่อน ล่าสุดยังคงมองเป้ารายได้แตะ 2 พันล้านบาท ภายใน 3 ปี หลังผสานความร่วมมือกับ BSM เป็นไปอย่างราบรื่น ด้านกูรูตลาดหุ้นมองหุ้นมีสตอรี่สร้างความเชื่อมั่นตลอดเวลา จึงเหมาะต่อการลงทุนระยะยาว
ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง KCM ยังเดินหน้าล่าฝันของตัวเองต่อไปไม่หยุดหย่อน ล่าสุดยังคงมองเป้ารายได้แตะ 2 พันล้านบาทภายใน 3 ปี หลังผสานความร่วมมือกับ BSM เป็นไปอย่างราบรื่น ด้านกูรูตลาดหุ้นมองหุ้นมีสตอรี่สร้างความเชื่อมั่นตลอดเวลา จึงเหมาะต่อการลงทุนระยะยาว
แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า ปัจจุบัน บริษัท เค.ซี.เมททอลชีท จำกัด (มหาชน) หรือ KCM ถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจขึ้นรูปแผ่นเหล็กสำหรับแผ่นหลังคาและผนัง งานโครงสร้างเหล็กกล้าสำเร็จรูป และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ประกอบสำหรับงานติดตั้งหลังคาและผนังครบวงจร ตั้งแต่อาคารขนาดใหญ่ ประเภทโรงงาน คลังสินค้า โชว์รูมแสดงสินค้า อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ บ้านเดี่ยว บ้านสำเร็จรูป และกลุ่มผู้บริหารยังคงมุ่งมั่นเป็นผู้นำในธุรกิจวัสดุก่อสร้างเกี่ยวกับงานหลังคา
“โดยเป้าหมายหลักของบริษัทคือ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายโดยการขยายสาขาเพิ่มจำนวน 3 สาขา ซึ่งเป็นสาขาที่มีเครื่องจักรไว้ใช้ในการผลิตในจังหวัด คือ ภูเก็ต แพร่ และลำปาง ภายในปี 2558” แหล่งข่าวกล่าวถึงแผนยึดหัวหาดทางธุรกิจ
นอกจากการขยายสาขาทั้ง 3 แห่ง ยังจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายธุรกิจด้วยการเปิดสำนักงานขายขนาดเล็ก ซึ่งมีเฉพาะออฟฟิศขาย ไม่มีเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต เพิ่มอีก 92 แห่ง ภายใน 3 ปีข้างหน้า (ปี 2558-2560) ในเขตพื้นที่ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก เพื่อเสริมช่องทางการจัดจำหน่าย และให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมพื้นที่ขายที่บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น
สำหรับสำนักงานขายที่เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายหลักในการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อย หรือผู้ต้องการจัดหาผลิตภัณฑ์เดินเข้ามาขอคำปรึกษาและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ (Walk In) โดยมีพนักงานขาย วิศวกร และทีมติดตั้ง คอยให้บริการอย่างครบวงจรนั้น ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมดจำนวน 23 สาขา (นับรวมสำนักงานใหญ่) และมีสาขาทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดคิดเป็นสัดส่วนรายได้ทั้งหมด 60% และจะพยายามปรับสัดส่วนดังกล่าวขึ้นเป็น 80% เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีอันตรากำไรที่ค่อนข้างสูง
ขณะที่กลุ่มลูกค้าร้านค้าปลีก-ค้าส่ง (Agent&Dealer)มีอำนาจต่อรองทางด้านราคาหรือเงื่อนไขทางการค้ามากกว่าลูกค้ารายย่อยมีสัดส่วนรายได้ 27% แต่ในอนาคตจะปรับลดลงเหลือประมาณ 10% ส่วนกลุ่มลูกค้าโครงการ (Project) มีความต้องการของงานในแต่ละโครงการที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันนั้น มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 8% แต่ในอนาคตจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10%
“โดยแผนรุกตลาดดังกล่าวจะทำให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี และการจับมือกับ BSM เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้ยอดขายแตะระดับ 2,000 ล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า” แหล่งข่าว กล่าวว่า
ขณะที่นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า KCM เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีหนี้สินค่อนข้างน้อย แต่มีทุนค่อนข้างเยอะ จึงขยายสาขาได้ค่อนข้างสะดวก เมื่อพิจารณาร่วมกับการจับมือ BSM เพื่อขยายช่องทางในการจัดจำหน่าย ย่อมทำให้หุ้นตัวนี้เป็นที่น่าสนใจมากขึ้น เพราะมีบริษัทในตลาด mai น้อยรายมากที่สามารถทำแผนเติบโตแบบก้าวกระโดดได้เช่นบริษัทแห่งนี้ จึงเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการลงทุนระยะยาว
อนึ่ง ราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้ (7ก.ค.) อยู่ที่ 1.56 บาท ปรับตัวขึ้น 0.12 บาทหรือ 8.33% มูลค่าซื้อขายที่ 90.54 ล้านบาท