เด้งรับการเมือง?
*การทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนีตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,637.69 จุด บวกไป 17.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.52 หมื่นล้านบาท พร้อมกับมีข่าวเม้าท์ล่องลอยมาตามห้องค้าต่าง ๆ ในทำนองการเมืองชัดเจนขึ้น ทำให้ผู้คนมากมายคาดหวังถึงการอัดฉีดเม็ดเงินก้อนใหญ่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ คือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้นักเล่นสถาบันเข้ามาไล่ราคาหุ้นบลูชิพอีกครั้งไงล่ะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*การทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนีตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,637.69 จุด บวกไป 17.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.52 หมื่นล้านบาท พร้อมกับมีข่าวเม้าท์ล่องลอยมาตามห้องค้าต่าง ๆ ในทำนองการเมืองชัดเจนขึ้น ทำให้ผู้คนมากมายคาดหวังถึงการอัดฉีดเม็ดเงินก้อนใหญ่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ คือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้นักเล่นสถาบันเข้ามาไล่ราคาหุ้นบลูชิพอีกครั้งไงล่ะค่ะ
*ประเด็นข้างต้นเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” ย้ำแล้วย้ำอีกตั้งแต่สัปดาห์ก่อนว่า หุ้นขนาดใหญ่จะมีบทบาทในการขับเคลื่อนให้ดัชนีวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,650 จุดในไม่ช้า ผนวกกับข้อมูลเก่า ๆ ยืนยันตรงกันว่า ทุกรัฐบาลมักโปรยยาหอมมาตรการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจเป็นประจำ บรรดานักเก็งกำไรถึงกระโจนเข้าใส่แบบไม่ยั้งมือ หลังเห็นกันทนโท่มาเป็นเวลานานว่า หุ้นดาวเด่นหลายตัวมีราคาต่ำกว่าราคาเป้าหมายเยอะนะซี
*งานนี้จริงเท็จแค่ไหน ? เดี๊ยนไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรทั้งสิ้น เพราะอยากให้แฟนคลับลองประเมินโฉมหน้ารัฐบาลจะออกมาสวยงามขนาดไหน ? รวมทั้งบรรดารัฐมนตรีที่เข้ามารับแหน่งจะทำให้ผู้คนร้องยี้ไหม ? “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดูอาการของดัชนียังแข็งปั๋งไหม ? เพราะเป็นภาพสะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อผู้ที่นำพาประเทศให้เดินหน้าแบบสดใสโชติช่วงชัชวาล หลังวานนี้แสดงกำลังภายในด้วยการบวกสวนตลาดหุ้นต่างประเทศที่แดงเถือกพะยะค่ะ
*โฟกัสถัดมาที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับลองวิเคราะห์กันดูอีกครั้งว่า การกลับเข้ามาซื้อของฝรั่งตาน้ำข้าวตลอดเดือน พ.ค. เป็นจำนวน 3.67 พันล้านบาท โดยพลพรรคแมงเม่าเคาะขวารัว ๆ ไปกว่า 1.17 หมื่นล้านบาท ขณะที่กองทุนตัวแสบฉกฉวยโอกาสดังกล่าวด้วยการสาดใส่มากถึง 1.55 หมื่นล้านบาท มันเป็นเกมที่บอกใบ้ให้รู้ว่า ต้นทุนการเล่นรอบใหม่ของนักเล่นทุกกลุ่มอยู่ที่บริเวณ 1,600 จุดใช่ไหม ? ลองถามใจเธอดู..อิอิอิ
*ในเมื่อกระแสอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบรากหญ้ากลายเป็นสิ่งที่ต้องทำ เลยทำให้หุ้นที่คลุกคลีกับคนทุกระดับชั้นอย่าง CPALL กลายเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์ผลบุญดังกล่าวเต็ม ๆ นักเล่นถึงพากันเข้าไล่ราคาแบบไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไป หุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 81.75 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.03 พันล้านบาท พร้อมกับพลิกแนวต้านเป็นแนวรับแบบนี้..ไหลตามน้ำด่วนเลยจ้า !
*เช่นเดียวกับในรายของ MTC ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 55 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 873 ล้านบาท ก็เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่พุ่งทะลุยอดเดิมแบบไม่ต้องเหลียวหลังมาสักพัก บวกกับจังหวะนี้มีการเม้าท์ถึงหุ้นที่ได้รับผลดีจากการเมืองมากเหลือเกิน “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับช่วยประเมินจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ณ ตอนนี้ว่า หุ้นเงินทุนตัวนี้ได้รับประโยชน์จริงไหมตัวเอง !
*ส่วนหุ้นขายที่ดินเป็นอาชีพอย่าง AMATA ก็เกาะกระแสตลาดหุ้นคึกคักขึ้นมากับเขาด้วย พร้อมกับประเมินกันว่า หุ้นวันนี้สามารถบวกต่อได้แบบชิว ๆ รับรองได้เห็นหุ้นวิ่งขึ้นไปหายอดแรกที่บริเวณ 23.50 บาทอย่างแน่นอน ต่อจากนั้นจะเดินหน้ามุ่งสู่แนวต้านบริเวณ 25 บาทเป็นลำดับถัดไป “โมนิก้า” ถึงอยากถามความคิดเห็นของเหล่านักเล่นทั่วราชอาณาจักรว่า การปิดที่ 22.60 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่า 822 ล้านบาทสื่ออะไรเอ่ย ?
*สำหรับรายที่เผลอเป็นขยับขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเช่น CKP กลายเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับพวกที่ชอบยาว ๆ และไม่มีเวลานั่งเฝ้าหน้ากระดานทุกวันไปในบัดดล ยิ่งมองย้อนกลับไปในช่วง 2 เดือนก่อนตอนที่หุ้นย่ำฐานบริเวณ 5 บาท แต่มาวันนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 6.35 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 4.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 623 ล้านบาท ยิ่งทำให้การทยอยซื้อสะสมหุ้นเป็นวิธีการที่เหมาะสุดนะจะบอกให้
*ส่วนใครที่ถนัดเคาะขวาวันต่อวัน “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มองไปที่หุ้น OSP เพื่อกระตุ้นต่อมอะดรีนาลีนให้ทำงานมากขึ้นสักหน่อยดีกว่า เพราะสาเหตุที่ทำให้หุ้นตัวนี้ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายมาจากสตอรี่เด่นที่ถูกส่งออกมาในแต่ละช็อต มันยั่วยวนให้ฝรั่งหัวทองต้องควักเงินในกระเป๋ามาซื้อหุ้นทุกที ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 34.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 655 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time high ได้แบบชิว ๆ ไงล่ะค่ะ
*นอกจากนี้ยังอยากให้ดูหุ้นที่เพิ่งสร่างจากพิษไข้อย่าง CPN ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับการไว้ลุ้นเล่น ๆ หลังหุ้นมาสเต็ปเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นจุดเด้งกลับ และการเคลื่อนตัวแบบ w-shape กลายเป็นข้อมูลที่ทำให้ “โมนิก้า” เชื่อเหลือเกินว่า หุ้นมีโอกาสวิ่งกลับขึ้นไปแถวบริเวณ 75 บาท ก่อนจะเดินหน้าขึ้นไปยัง 77 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นยืนปิดที่ 73.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 904 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการโหนกระแสพะยะค่ะ