SENA วางเป้ายอดขายโซลาร์ปีนี้แตะ 600 ลบ. พร้อมเดินหน้าขยายโซลาร์รูฟท็อปอีก 30 MW
SENA วางเป้ายอดขายโซลาร์ปีนี้แตะ 600 ลบ. พร้อมเดินหน้าขยายโซลาร์รูฟท็อปอีก 30 MW กางแผนปี 62 เปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ 20 โครงการ
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายธุรกิจโซลาร์ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท เสนาโซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ไว้ที่ระดับ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 380 ล้านบาทในปีที่แล้ว ภายใต้เป้าหมายจะเพิ่มกำลังการติดตั้งอีก 24 เมกะวัตต์ (MW) หลังจะเข้าไปขยายตลาดในกลุ่มผู้ประกอบการ อาทิ โรงงาน คลังสินค้า เป็นต้น รวมจำนวน 13 แห่ง โดยเฉพาะการทำตลาดในรูปแบบของการจำหน่ายไฟฟ้าตรงให้กับผู้ประกอบการ (Private PPA) โดยจะเป็นการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา และจำหน่ายไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน ให้กับผู้ประกอบการโดยตรง ทำให้ต้นทุนการใช้พลังงานลดต่ำลง
“ตอนนี้เรามีลูกค้าที่เป็น Private PPA แล้ว 5-6 ราย ถึงสิ้นปีก็จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 900 ล้านบาท ธุรกิจโซลาร์เราก็วางเป้ายอดขายเติบโตได้ปีละ 10-20% ทั้งในส่วนยอดขายและเมกะวัตต์”นางสาวเกษรา กล่าว
โดยธุรกิจโซลาร์ปัจจุบันมียอดขายมาจากงานติดตั้ง (EPC) และการขายไฟฟ้าในรูปแบบโซลาร์ฟาร์มราว 24 เมกะวัตต์ และรายได้การขายไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อป Private PPA โดยวางเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโซลาร์จะเพิ่มเป็น 10-20% ของรายได้รวมใน 4-5 ปีจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 9%
สำหรับแผนการนำบริษัท เสนาโซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด เข้าตลาดหุ้นนั้นปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้เพราะรายได้จากการขายไฟฟ้านับเป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) ทำให้มีช่องทางการระดมทุนที่หลากหลายนอกเหนือจากการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น ซึ่งการลงทุนในปีนี้บริษัทก็มีแผนกู้เงินอยู่แล้ว
ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมพร้อมยื่นขอสิทธิให้กับลูกบ้านเพื่อเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน รวมทั้งหมด 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ เสนาพาร์ค แกรนด์ รามอินทรา ,โครงการเสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา-วงแหวน ,โครงการเสนาวิลล์ บรมราชชนนี สาย 5 ,โครงการเสนาแกรนด์ โฮม รังสิต ติวานนท์ โครงการเสนาช๊อปเฮ้าส์ พหลโยธิน คูคต และโครงการ เสนาช็อปเฮ้าส์ บางแค เฟส 1 และ เฟส 2 ซึ่งมั่นใจว่าจะมีจำนวนรายที่ยื่นสูงสุด 164-170 ราย คิดเป็นจำนวน 394.40 กิโลวัตต์
โดยการเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชนจะทำให้ลูกบ้านได้รับประโยชน์จากการขายไฟฟ้าเหลือใช้เข้าระบบในอัตราที่รัฐกำหนด 1.68 บาท/หน่วย อีกทั้งโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ยังมีส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วงรอยต่อที่ระบบกักเก็บพลังงานหรือแบตเตอรี่(Energy Storage System)ที่เป็นเทคโนโลยีที่อยู่ในขั้นทดลองเรื่องของคุณภาพ และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เมื่อมีโครงการนี้เข้ามา ทำให้เกิดความคุ้มค่ากับมากกว่าการผลิตไฟฟ้าแล้วไม่ได้ใช้ ซึ่งทางบริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจด้านพลังงาน อยู่ระหว่างการศึกษาและแสวงหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อให้บริการกับลูกค้าให้ได้รับประโยชน์มากขึ้นในอนาคต
สำหรับแผนงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้บริษัทวางแผนจะเปิด 20 โครงการ ซึ่งปัจจุบันเปิดแล้ว 7 โครงการ ส่วนจะเปิดได้ครบตามเป้าหมายหรือไม่นั้นขึ้นกับดีมานด์และซัพพลายของตลาดด้วย แต่ก็ยอมรับว่าจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ที่มีผลบังคับใช้แล้วนั้นทำให้ยอดขายภาพรวมลดลงบ้าง
ส่วนการที่จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศนั้นก็เชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ หลังคาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหากนำมาตรการที่เคยใช้มาแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ อย่างการลดค่าจดทะเบียนการโอนและการจดจำนอง ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้ามากขึ้น จากปัจจุบันที่รัฐบาลใช้เฉพาะบ้านที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนไม่ถึง 10% ของตลาด แต่หากรัฐบาลขยับกลุ่มเป้าหมายเป็น 3-5 ล้านบาท และ 5-7 ล้านบาท จะมีจำนวนมากถึง 60% ของตลาด