DOD แรลลี่ยาว 5 วันติด! บวกต่อเฉียด 9% ลุ้นครึ่งปีหลังผลงานเด่น รับออเดอร์ล็อตใหญ่
DOD แรลลี่ยาว 5 วันติด! บวกต่อเฉียด 9% ลุ้นครึ่งปีหลังผลงานเด่น รับออเดอร์ล็อตใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ล่าสุด ณ เวลา 11.06 น. อยู่ที่ 10.10 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 8.60% สูงสุดที่ 10.20 บาท ต่ำสุดที่ 9.35 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 41.98 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น DOD ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 5 วันติด นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 7.75 บาท เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2562 คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 30.32%
โดยก่อนหน้านี้ บริษัทคาดการณ์ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 จะเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากมีการปรับแผนโครงสร้างทางธุรกิจตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน และล่าสุดบริษัทได้รับคำสั่งผลิต (Order) ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประเภทคอลลาเจน มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
พร้อมคาดว่าจะเริ่มทยอยส่งมอบสินค้าล็อตแรกภายในเดือน พ.ค. 2562 และได้รับออเดอร์ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ ไปวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าปลีกทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยส่งมอบ และวางจำหน่ายได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/62 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีออเดอร์ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุ เบื้องต้นคาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมีการนำไปจำหน่ายผ่านช่องทาง TV Shopping
ขณะที่ล่าสุดบริษัท พีซีซีเอ แล็บบอราเทอรี่ จำกัด (PCCA) มีออเดอร์ที่อยู่ระหว่างการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ในหลากหลายชนิดผลิตภัณฑ์ เช่น ครีมกันแดด, แผ่นมาร์คหน้า, ครีมรองพื้น, โฟมล้างหน้า, ครีมสครับหน้า, โลชั่นกันยุงสำหรับเด็ก เป็นต้น คาดว่าจะสามารถทยอยส่งมอบผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้ภายในปลายไตรมาส 2/62 หรือช้าสุดไม่เกินไตรมาส 3/2562 โดยจะส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 มีรายได้เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าหลังการปรับโครงสร้างทางธุรกิจจะส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2562 จะมีรายได้เติบโตอย่างน้อย 10% จากปี 2561 ที่มีรายได้รวม 673.12 ล้านบาท โดยมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงาม และสุขภาพครบวงจรแบบ One Stop Service Solution หลังมีพันธมิตรเข้ามาช่วยบริหารงานจะเป็นการขยายกลยุทธ์ทางการตลาดในเชิงรุกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ถือ” DOD ราคาเป้าหมาย 11.30 บาท/หุ้น โดยกำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1/62 คิดเป็นสัดส่วน 16% ของประมาณการทั้งปี ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/62 มองว่าน่าจะยังไม่สดใสนัก ทั้งที่ปกติช่วงครึ่งปีแรกมักเป็นฤดูกาลที่ดีของบริษัท เพราะยังไม่สามารถหาลูกค้ารายใหม่มาทดแทนได้ทัน
ขณะที่หลายโปรเจกต์ที่กำลังทำอยู่ น่าจะได้เห็นความชัดเจน และเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป จึงคาดหวังการฟื้นตัวของผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ดังนั้นยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ไว้ที่ 258 ล้านบาท