PTG ร่วง 4% โบรกฯชี้ขายทำกำไรหลังขึ้นแรงมาเกือบ 2 เดือน-ราคาหุ้นเกินพื้นฐาน

PTG ร่วง 4% โบรกฯชี้ขายทำกำไรหลังขึ้นแรงมาเกือบ 2 เดือน-ราคาวิ่งเกินเป้า โดย ณ เวลา 11.27 น. อยู่ที่ระดับ 16.60 บาท ลบ 0.70 บาท หรือ 4.05% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 308.76 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ณ เวลา 11.27 น. อยู่ที่ระดับ 16.60 บาท ลบ 0.70 บาท หรือ 4.05% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 308.76 ล้านบาท ราคาอ่อนตัวลงคาดนักลงทุนขายทำกำไรหลังหุ้นขึ้นแรงมาเกือบ 2 เดือน อีกทั้งราคาหุ้นเกินเป้าหมายโบรกฯแนะนำที่ระดับ 15.00 บาท

ด้านบล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาหุ้น PTG เช้านี้ปรับตัวลง ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก คาดว่าจะเป็นแรงขายทำกำไรหลังจากที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว โดยนับตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ราคาหุ้น PTG เคลื่อนไหวแถว 10 บาท หลังจากนั้นราคาก็ได้ปรับขึ้นไปถึง 18 บาทในช่วง 2 เดือน ซึ่งก็ถือว่าราคาหุ้นขึ้นไปมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/62 ของ PTG ออกมาดี โดย PTG และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 519.7 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.31 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 269.28 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.16 บาท

บล.ทิสโก้  ระบุว่า คาดผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องในไตรมาสไตรมาส 2/62 จากโดยปกติแล้วไตรมาส 2 จะมีปริมาณขายที่เติบโต เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากการเป็นไตรมาสที่มีวันหยุดยาวมาก มีความต้องการในการเดินทางและขนส่ง โดย ณ QTD ยังเติบโต 22% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาส2/61 ปริมาณขายอยู่ที่ 985 ล้านบาท ดังนั้น หากเติบโตระดับนี้ต่อเนื่องทั้งไตรมาส คาดปริมาณขายในไตรมาส2/62 อยู่ที่ราว 1,100 – 1,200 ล้านลิตร ในขณะที่คาดค่าการตลาดยังคงอยู่ระดับสูง 1.98-2.08 บาทต่อลิตร ด้วยราคาน้ำมันดีเซลยังมีช่องว่างจากการตรึงราคาของภาครัฐที่ 30 บาทต่อลิตร สำหรับแนวโน้มในครึ่งปีหลัง จะเห็นการอ่อนตัวในไตรมาส 3/62 จากปัจจัยด้านฤดูกาลจากการเข้าสู่ฤดูฝนการขนส่งชะลอตัวและจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในไตรมาส 4

จากผลประกอบการไตรมาส1/62 ที่ดีกว่าคาด และทิศทางค่าการตลาดซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่สูง ดังนั้น เราปรับประมาณการผลประกอบการขึ้น 67% ในปี 62 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,337 ล้านบาท และปี 63คาดอยู่ที่ 1,631 ล้านบาท (+22% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยหลักๆ เป็นการปรับสมมติฐานค่าการตลาดมาอยู่ที่ 1.85 บาทต่อลิตรจากเดิมที่คาด 1.70 บาทต่อลิตร ยังต่ำกว่าค่าการตลาดในปัจจุบันซึ่งยังคงสมมติฐานที่เข้มงวดเนื่องจากมองว่าโดยปกติแล้วในครึ่งปีหลังค่าการตลาดจะอ่อนตัวลง ในขณะที่คาดจะเห็นการเก็บเกี่ยวจากธุรกิจ Non-oil โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ LPG ที่มีอัตรากำไรระดับสูงและธุรกิจกาแฟที่คาดจะถึงจุดคุ้มทุนในครึ่งปีหลัง

ยังคงแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ PTG ด้วยราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 15 บาท จากเดิม 11.80 บาท (DCF) ปัจจุบัน PTG ซื้อขายอยู่ที่ PER 16.7x ปี 2019F และ PER 13.7x ปี 2020F ซึ่งอยู่ในระดับ -0.5 SD ปัจจัยเสี่ยงสำหรับ PTG ได้แก่ 1) ค่าการตลาดที่อ่อนตัวกว่าที่เราคาดไว้ 2) ปริมาณขายน้ำมันที่ต่ำกว่าคาด และความล่าช้าของธุรกิจ non-oil

Back to top button