ตั้งหลักใหม่!โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยมีอะไรน่าประทับใจ และไม่ค่อยมีอะไรที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกชื่นใจสักเรื่อง “โมนิก้า” ถึงต้องมานั่งวิเคราะห์สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันถัดไป มีประเด็นอะไรให้ติดตามเป็นพิเศษหรือเปล่า? ผลปรากฏว่า ทั้งหลายทั้งมวลยังหมกมุ่นอยู่ที่เรื่อง แตงโมกับโตโน่..อุ๊ย..ปัญหาหนี้ของกรีซ สภาพการลงทุนถึงเละเทะเหมือนกับสภาพของดาราที่ตกเป็นข่าวฉาวไงล่ะค่ะ

*มิหน่ำซ้ำยังโดนตีขนาบด้วย “ดัชนีฮั่งเส็ง” รูดระเนระนาด ซึ่งเป็นผลมาจาก “ดัชนีเซินเจิ้น” กับ “ดัชนีเซี่ยงไฮ้” เกิดปัญหาบางอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งกระตุ้นให้บรรดาอาเจ๊กอาม่ากระหน่ำเทขายหุ้นไม่ยั้ง จนหุ้นบางตัวต้องของขึ้น Hเพื่อให้สถานการณ์ต่างๆ กลับสู่สภาพปกติเสียก่อน  เพราะเกิดอาการรับไม่ได้เมื่อเห็นหุ้นของบริษัทตัวเองมุดหัวลงลูกเดียวนะซี

*เมื่อสถานการณ์มีแต่เรื่องเลวร้าย ตลาดหุ้นไทยถึงไม่รอดสันดอน แถมแรงเทขายมารอตั้งแต่ช่วง pre open “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ดัชนีรูดลงมาปิด 1,470.25 จุด ลบไป 13.52 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.76 หมื่นล้านบาท เพราะนักลงทุนสถาบันสาดหุ้นออกมาไม่ยั้ง หลังประเมินสถานการณ์อย่างละเอียดแล้วพบว่า จังหวะนี้ได้ไม่คุ้มเสียไงล่ะจ๊ะ

                *ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้หุ้นบลูชิพหมดความน่าสนใจลงไปในทันที และมองไม่เห็นโอกาสฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แถมเจ พี มอร์แกนประกาศปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ “โมนิก้า” ถึงมีอาการเสียวปนสยิวจนบอกไม่ถูก หลังดัชนีมีโอกาสหลุดแนวรับ 1,450 จุดค่อนข้างสูง หากนักลงทุนสถาบันยังคงพร้อมใจเทขายหุ้นออกมากันแบบนี้ มันจะเอาอยู่ได้อย่างไร?

*ขนาดพี่ใหญ่อย่าง PTTครบเครื่องเรื่องพลังงาน แถมราคาหุ้นทิ้งตัวลงเยอะ แต่ยังคงมีคนทิ้งหุ้นออกมาตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติม และพูดได้แค่ว่า หากทำ double bottomแถวบริเวณ 330 บาท  แล้วไม่มีการกลับตัวขึ้นเหมือนครั้งที่แล้ว คงบอกได้แค่ว่า ตัวใครตัวมัน! ล่าสุดหุ้นปิดที่ 340 บาท ลบไป  9 บาท  ด้วยมูลค่า 3.20 พันล้านบาท มันเป็นเหตุการณ์ที่ต้องติดตามดูกันต่อไปนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของSCCเดี๊ยนมองพัฒนาการของตัวบริษัท กับพัฒนาการของตัวหุ้น ทำไมมันไม่ไปในทางเดียวกัน และดูเหมือนว่า สถานการณ์ของตัวหุ้นจะแย่ลงเรื่อยๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้จับตาดูหุ้นจุดเด้งกลับที่บริเวณ 500 บาทให้ดีๆ เพราะตรงนี้มันหมายถึง “จังหวะลงทุนรอบใหม่” หรือ “จังหวะของการตัดขาย” ก็บอกแล้ว คนเล่นหุ้นใหญ่มีเรื่องให้คิดเยอะกว่าคนเล่นหุ้นเล็กนะคะ

*คิดดูซิ! จู่ๆ หุ้นนอกกระแสอย่าง CENกระชากขึ้นมาปิดที่ 3.60บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 250 ล้านบาท  “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะของการเล่นเก็งกำไรเพียวๆ ไม่ต้องถามถึงสตอรี่ของเรื่องที่เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นอย่างไร ในเมื่อเรื่องผลประกอบการมันเป็นมุขเดิมๆ ที่ใช้จนเอียน จึงไม่ต้องถามถึงเป้ารอบนี้ให้เสียเวลา เพราะเป้าจริงๆ มันต่ำกว่านี้..อิอิอิ

*ส่วนในรายของ KKCคงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่? แต่ที่ดีอยู่นิดหนึ่งคือ ตัวเลขกำไรที่ทำได้ในปีนี้เริ่มเห็นเนื้อเห็นหนังมากขึ้น “โมนิก้า” ถึงรู้สึกชิวๆ เมื่อเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.48บาท บวกไป 0.30บาท หรือขึ้นไป 9% เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยทำให้เห็นหลายครั้งด้วยกัน แต่ทุกครั้งไม่เคยผ่านแนวต้าน 3.50 บาทขึ้นไปได้สักที วันนี้ถึงต้องจับตาดูกันเป็นพิเศษไงล่ะค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องเฝ้าดูพฤติกรรมแปลกๆ ขึ้นมาทีไร“โมนิก้า” มักหันไปดูหุ้นฉาวที่กำลังตกเป็นเป้าโจมตีจากหลายฝ่าย และเผอิญพรายกระซิบก็พูดกรอกหูตั้งแต่เช้า จึงขอพื้นที่ให้กับ PAE อีกวันแล้วกัน เรื่องของเรื่องมันน่าจะจบไปตั้งแต่วันก่อน แต่ดันมีคนขุดคุ้ยถึงอดีตผู้บริหาร ไอแบงก์ ซึ่งเคยมีข่าวกิ๊กๆ กั๊กๆ กับหม้ายสาว ย. และมีตัวผู้เล่นหลักอย่าง ซันเต๋อ เข้ามาเกี่ยวข้องแถมยังเป็นหลานคนที่อยู่ดูไบ บวกกับมีขาใหญ่ที่ชื่อ เสี่ยขุน เข้ามามะรุมมะตุ้ม พ่วงด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนมันจึงเป็นเคสที่น่าติดตามจริงๆ ล่าสุดหุ้นปิดที่ 0.40บาท ลบไป 0.02บาท หรือลงไป 4.80%  วอลุ่มแน่นแบบนี้..หนังเรื่องยาวแน่ๆ เจ้าค่ะ

*แหล่มสุดๆ ยังเทน้ำหนักไปที่ BSMวอลุ่มซื้อขายในแต่ละวันยังคงหนาแน่น แถมในระหว่างทางมีการทดสอบแรงเทขายเป็นระยะ “โมนิก้า” จึงชอบเม้าท์หุ้นถึงที่มีภูมิต้านทาน บวกกับมีสตอรี่เกี่ยวกับการเติบโตอยู่ข้างหน้า เป็นประจำ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.01บาท บวกไป 0.04บาท หรือขึ้นไป 4%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 270 ล้านบาท มันเป็นจังหวะของการเข้าเก็บนะเนี่ย!