5 โบรกฯ อัพเกรดคำแนะนำ AOT ลุ้นกำไรทะยานรับผลประมูล “ดิวตี้ฟรี” เป้าสูงสุด 88 บาท!
5 โบรกฯ อัพเกรดคำแนะนำ AOT ลุ้นกำไรทะยานรับผลประมูล "ดิวตี้ฟรี" เป้าสูงสุด 88 บาท!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ที่ให้คำแนะนำรวมถึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิ และราคาเป้าหมาย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ภายหลังจากวานนี้ (19 มิ.ย.62) บริษัทเปิดเผยผลตอบแทนจากการประมูล Duty Free/Retail รวม 3 สัญญา Minimum Guarantees ที่ระดับ 2.35 หมื่นล้านบาท สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 1.19 หมื่นล้านบาท
โดย บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด ให้คำแนะนำ “ซื้อ” AOT ให้ราคาเป้าหมาย 83 บาท/หุ้น โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา AOT ได้เปิดเผยรายละเอียดของสัมปทานบนโครงการต่างๆที่ Kingpower เป็นผู้ชนะประมูล โดยเป็นการชนะคู่แข่งอย่างชัดเจน จากส่วนแบ่งผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) โครงการดิวตี้ฟรีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ AOT จะได้ค่าตอบแทน 20% ของยอดขาย หรือ Minimum Guarantee ปีแรกเป็นจำนวนเงิน 15,420 ล้านบาท
2) โครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทจะได้ค่าตอบแทน 20% ของยอดขาย หรือ Minimum Guarantee ปีแรกเป็นจำนวนเงิน 5.8 พันล้านบาท
3) โครงการดิวตี้ฟรีบน 3 ท่าอากาศยานภูมิภาค บริษัทจะได้ค่าตอบแทน 15% ของยอดขาย หรือ Minimum Guarantee ปีแรกเป็นจำนวนเงิน 2.33 พันล้านบาท
โดยทั้ง 3 โครงการจะเริ่มสัญญาในเดือน ก.ย. 2563 จนถึงเดือน มี.ค. 2573 (10 ปีเศษ) โดยจะมีการปรับเพิ่มส่วนแบ่ง Minimum Guarantee ของปีต่อ ๆ ไป โดยพิจารณาจากอัตราการเจริญเติบโตของผู้โดยสารประกอบกับอัตราเงินเฟ้อของปีปฏิทินก่อนหน้า ซึ่งหากจำนวนผู้โดยสารไม่เติบโต AOT ยืนยันว่าจะได้ส่วนแบ่งตาม Minimum Guarantee เท่าเดิม
ทั้งนี้ ปัจจุบัน AOT ได้ส่วนแบ่งรายได้จากทั้ง 3 โครงการในปี 2561 ที่เพียง 8.7 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ในปี 2564 หรืออีก 3 ปีต่อจากนี้ AOT จะมีรายได้จาก 3 สัมปทานนี้เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 3 เท่าตัว เป็น 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้เราคาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทในปี 2564 จะเพิ่มขึ้นเป็น 9.19 และ 4.54 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ (จากเดิมที่เราคาดรายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตเป็น 8.09 และ 3.68 หมื่นล้านบาท) คิดเป็นการเติบโตของกำไรที่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 23% บนการคาดการณ์กำไรเดิมของเรา
โดยจากความกังวลเดิมที่คาดว่า Kingpower จะเสนอผลตอบแทนไม่ได้สูงอย่างตลาดคาดกลับมีผลลัพธ์ออกมาสวนทางอย่างสิ้นเชิง ทำให้ต่อจากนี้ AOT จะคลายความกังวลในประเด็นเรื่องสัมปทานดิวตี้ฟรีอย่างชัดเจน และจะเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญต่อการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ได้ปรับประมาณการราคาเป้าหมายของ AOT ขึ้นเป็น 83 บาท จากเดิม 75 บาท (13% upside) เพื่อสะท้อนผลตอบแทนของธุรกิจดิวตี้ฟรีในอนาคตที่สูงกว่าประมาณการ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และเลือกให้เป็น TOPPICK ของกลุ่ม
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” AOT ราคาเป้าหมาย 80 บาท/หุ้น โดยระบุว่า วานนี้ บอร์ด AOT มีมติอนุมัติผลการประมูลให้สิทธิเอกชนประกอบกิจการจำนวน 3 โครงการ ซึ่งทราบกับแล้วว่า กลุ่มคิง เพาเวอร์ เป็นผู้ชนะในทุกโครงการ ประกอบด้วย
1) โครงการให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Duty Free) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะเวลาตั้งแต่ 28 ก.ย.63-31 มี.ค.74 ซึ่ง AOT จะเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทน (Revenue Sharing) 20% ของรายได้ หรือเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ปีแรก 15,419 ล้านบาท และจะปรับการเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปีเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป โดยพิจารณาจากอัตราการเติบโตของผู้โดยสารประกอบกับอัตราเงินเฟ้อของปีก่อนหน้า
2) โครงการให้สิทธิประกอบกิจการ Duty Free ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ (ท่าอากาศยานภูมิภาค) ตั้งแต่ 28 ก.ย.63-31 มี.ค.74 เก็บ Revenue Sharing 20% หรือเก็บ Min.Guarantee ปีแรก 2,331 ล้านบาท และปรับเพิ่มในปีต่อๆ ไป
3) โครงการให้สิทธิประกอบกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ 28 ก.ย.63-31 มี.ค.74 เก็บ Revenue Sharing 15% หรือเก็บ Min.Guarantee ปีแรก 5,798 ล้านบาท และปรับเพิ่มในปีต่อๆ ไป
ทั้งนี้มองเป็นบวกอย่างมากต่อผลตอบแทน Minimum Guarantee รวมทั้ง 3 โครงการ ที่กลุ่มคิง เพาเวอร์ เสนอเข้ามา 2.35 หมื่นล้านบาท สูงกว่าระดับปัจจุบัน (ในปี 2562) ที่ 7.6 พันล้านบาท กว่า 3 เท่าตัว และสูงกว่าที่เราและตลาดไว้ในช่วง 1-2 หมื่นล้านบาท อีกทั้งเป็นที่น่าสังเกตว่ามีการเสนอผลตอบแทนสูงกว่าผู้ที่ได้อันดับ 2 และ 3 ราวเท่าตัว
ส่วนข้อแตกต่างของกิจการ Duty Free ภายใต้สัญญาใหม่กำหนด Revenue Sharing ไว้คงที่ตลอดอายุ 10 ปี เทียบกับของเดิมที่มีการทยอยปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดในช่วง 5 ปี สุดท้าย จาก 15% เป็น 20% ส่งผลให้ AOT จะมีการบันทึกรายได้แบบก้าวกระโดดในงวดปี 63/64 ซึ่งเป็นปีแรก
ขณะที่ปีท้ายๆ อาจจะไม่เห็นการเติบโตมากนักขึ้นกับอัตราการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสาร อย่างไรก็ตามจาก Minimum Guarantee ที่สูงกว่าคาดประมาณ 4.4 พันล้านบาท (คาด 1.9 หมื่นล้านบาท) ส่งผลให้เราปรับกำไรสุทธิตั้งแต่งวดปี 63/64 ขึ้นจากเดิมโดยเฉลี่ยราว 9-10% ส่วนระยะสั้นคงประมาณการกำไรสุทธิปี 61/62 ไว้เช่นเดิมที่ 26,852 ล้านบาท โต 7.3% จากปีก่อน แต่จะมี Downside จากจำนวนผู้โดยสารในปีนี้ที่อาจโตต่ำกว่าสมมติฐานที่เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน โดยช่วง 8 เดือนแรกของปี 61/62 จำนวนผู้โดยสารโตแค่ 1.7% จากปีก่อนอยู่ที่ 97 ล้านคน โดยเฉพาะเดือน เม.ษ.-พ.ค.หดตัว 0.4% จากปีก่อน และลดลง 2.4% จากปีก่อน สอดคล้องกับการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่หันไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องติดตามสงครามการค้าระหว่าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงสหรัฐฯ-อินเดีย ที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้คาดว่าจะเห็นโครงสร้างรายได้ใหม่ที่มีสัดส่วนรายได้ Non-Aero และ Aero ในปี 63/64 เป็น 53%:47% เทียบกับปัจจุบันที่ 44%:56% ซึ่งยังไม่รวม Upside จาก 1) ประมูล Duty Free ท่าอากาศยานดอนเมืองที่จะหมดอายุในปี 65 เปิดประมูลปี 63 2) การประมูล Pick-up Counter ปลายปีนี้-ต้นปีหน้า 3) การประมูล Duty Free Terminal 2 สุวรรณภูมิ 4) ความคืบหน้าการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ (Airport City) ศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้า (Certify Hub) ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อรายได้ Non-Aero เพิ่มขึ้นแบบมีนัย ดังนั้นจาก Catalyst ที่เป็นบวกต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จึงแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเหมาะสมภายใต้ประมาณการใหม่ด้วยวิธี DCF เพิ่มขึ้นจากเดิม 70 บาท เป็น 80 บาท
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำหุ้นเด่นวันนี้คือ AOT ให้ราคาเป้าหมาย 88 บาท (DCF) โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้น 15 บาท หลังผลตอบแทนขั้นต่ำที่ King Power จ่ายให้ สูงถึง 23,548 ลบ.ต่อปี สูงกว่าปัจจุบันที่จ่ายขั้นต่ำ 7,575 ลบ. สำหรับ Duty Free ที่สุวรรณภูมิ หาดใหญ่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และพื้นที่ร้านค้าที่สุวรรณภูมิ สัญญาใหม่เริ่ม ก.ย. 2563-มี.ค. 2573
นอกจากการประมูลครั้งนี้ ยังมี upside จากการประมูลพื้นที่ร้านค้าในดอนเมืองที่จะหมดสัญญาปี 2022 การขยายดอนเมืองเฟส 3 และการสร้างสนามบินเพิ่มที่เชียงใหม่และภูเก็ต
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น AOT โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสู่ระดับ 82-84 บาท จากเดิม 70 บาท
อีกทั้ง เจพี มอร์แกน (J.P. Morgan & Co.) เป็นบริษัทให้บริการทางการเงิน และการลงทุน ปรับราคาเป้าหมาย AOT เพิ่มขึ้นเป็น 80 บาท จากเดิม 68 บาท