โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” TOP ลุ้นผลงานไตรมาส 2 โตต่อ รับปัจจัยบวก 2 เด้ง

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP หลังราคาหุ้นวานนี้ (24 มิ.ย.) ปรับตัวขึ้นแรงโดยปิดตลาดที่ระดับอยู่ที่ 66.50 บาท บวก 2.25 บาท หรือ 3.50% สูงสุดที่ 66.75 บาท ต่ำสุดที่ 64.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.98 พันล้านบาท ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตอบรับข่าวโรงกลั่นในเมืองฟิลาเดลเฟียของสหรัฐกำลังการกลั่นรวม 335,000 ต่อวัน เกิดเหตุระเบิดทำให้เป็นที่คาดการณ์ว่าโรงกลั่นแห่งนี้จะต้องหยุดซ่อมบำรุงเป็นเวลานาน

ทั้งนี้พบว่า นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TOP ให้ราคาเป้าหมาย 80 บาท/หุ้น จัดให้เป็น Top pick กลุ่มโรงกลั่น ซึ่งได้ Sentiment บวกจากข่าวโรงกลั่นในสหรัฐระเบิด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวต่อเนื่องช่วยลดผลกระทบจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบ

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีรายงานว่าโรงกลั่นน้ำมันดิบในเมืองฟิลาเดลเฟียของสหรัฐกำลังการกลั่นรวม 335,000 ต่อวันเกิดเหตุระเบิดและมีเพลิงไหม้อย่างรุนแรงทำให้เป็นที่คาดการณ์ว่าโรงกลั่นแห่งนี้จะต้องหยุดซ่อมบำรุงเป็นเวลานานกดดันให้ Supply น้ำมันสำเร็จรูปลดลงแต่จะหนุนให้ราคาเพิ่มขึ้นเป็นบวกต่อทิศทางของค่าการกลั่น

นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง, ค่าเงิน US ที่อ่อนค่า ยังช่วยให้ความเสี่ยงที่โรงกลั่นจะขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบลดลงตามไปด้วย (ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบ Dubai ปิดที่ 63.14$/bbl เทียบกับ ราคาปิด ณ สิ้น ไตรมาส 1/62 ที่ระดับ 67.6$/bbl

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TOP ประเมินราคาเป้าหมาย 83 บาท/หุ้น อิง EV/EBITDA ค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 7 เท่า โดยราคาหุ้นได้สะท้อนค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับต่ำแล้ว และเชื่อว่าค่าการกลั่นจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นในครึ่งปีหลังปี 2562 เนื่องจากความต้องการน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นจาก IMO ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายอยู่ที่ต่ำกว่า -2SD ที่ 5.5 เท่า

โดยเชื่อว่า Fed Policy ที่ดูผ่อนคลายมากขึ้นจะช่วยทำให้ราคา Commodity อย่างน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวดีขึ้น และด้วย Valuation ที่น่าสดใจลงทุน ณ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/BV อยู่เพียงระดับ 0.9 เท่า เท่านั้น นับว่าเป็นระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 3 ในรอบ 15 ปี เทียบได้กับช่วงที่เกิดวิกฤตในปี 2012 (European debt crisis) ทำให้ Downside Risk ค่อนข้างจำกัด

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน  ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น TOP ที่ 86 บาท/หุ้น คาดผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปี 2562 จากความต้องการน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มธุรกิจเดินเรือ ขณะที่ อัตราส่วน P/BV น้อยลงต่ำกว่า 1 ช่วยลด downside ของราคาหุ้น และ เพิ่มโอกาสการดีดตัวของราคา

อีกทั้ง เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2562 บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ TOP เป็น ‘AA(tha)’ จาก ‘AA-(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ  ในขณะเดียวกัน ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของบริษัทฯ ที่ระดับ ‘F1+(tha)’