รมว.คลังคาดปีนี้ GDP โตได้ถึง 3% แนะจับตาสถานการณ์การส่งออก
รมว.คลัง เผยรัฐบาลมีแนวคิดทำงบปี 60 ขาดดุลเพิ่มเป็น 4% คาดปีนี้ GDP โตได้ถึง 3% แนะจับตาสถานการณ์การส่งออกอย่างใกล้ชิด
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแนวคิดจะจัดทำงบประมาณขาดดุลในปีงบประมาณ 60 เพิ่มเป็น 4% ของ GDP เพื่อเพิ่มบทบาทของภาครัฐในการใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากขึ้น ขณะที่ปีงบประมาณ 58 ตั้งเป้าว่าจะเร่งผลักดันการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการทั้งหมดให้ได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 92-93%
ขณะที่ ปีนี้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ของไทยจะเติบโตได้ 3% ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์การส่งออกที่ยังเป็นปัจจัยสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ ที่คิดเป็น 22-23% ของ GDP ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าไทยพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างมากถึงประมาณ 70% ของ GDP ดังนั้นในอดีตที่การส่งออกโต 7-8% GDP จึงขยายตัวได้ค่อนข้างมาก แต่ปีนี้คงต้องลุ้นเรื่องการส่งออก เพราะการเบิกจ่ายงบประมาณทำได้แค่ในกรอบ 22-23% ของ GDP เท่านั้นจะทำมากกว่านี้ไม่ได้
ส่วนตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่าน่าจะมีผลกระทบมากในแง่การส่งออก เพราะไทยส่งออกไปจีนคิดเป็นสัดส่วน 12-13% ของภาพรวมการส่งออกทั้งหมด และการลดลงของหุ้นจีนอาจจะเชื่อมโยงไปถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ด้วย เพราะมีการประเมินว่าจะขยายตัวต่ำกว่า 7% และมีโอกาสทรุดถึง 6% ดังนั้นการลดลงของ GDP จีน 1% เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจไทยแล้ว คิดเป็น 35% ของ GDP ไทย จึงถือว่าเป็นเรื่องที่หนักมาก รายได้ประชาชนของจีนก็ลดลง ผลผลิตลดลง ความต้องการซื้อสินค้าก็ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบกับไทยอย่างมากแน่นอน
ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น นักลงทุนของไทยไม่ได้มีการลงทุนในตลาดหุ้นจีนมาก แต่อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และในความเห็นส่วนตัวแล้วเป็นห่วงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนมากกว่าปัญหาการชำระหนี้ของกรีซ
“ตอนนี้มาร์เก็ตแคปในตลาดหุ้นจีนหายไปแล้วประมาณ 30% หรือคิดเป็น 2.70 ล้านล้านเหรียญ คิดเป็น 6 เท่าของมาร์เก็ตแคปของไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.45 ล้านล้านเหรียญ” รมว.คลัง กล่าว
ขณะเดียวกันกรณีที่มีข่าวว่ากรมสรรพากรเปลี่ยนฐานการคำนวณภาษีเงินได้สำหรับการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ใหม่นั้น รมว.คลัง กล่าวว่า เป็นความจริง ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจกับผู้ที่สนใจลงทุนซื้อ LTF และ RMF ในการเสียภาษีให้มีความชัดเจนมากขึ้น