ดาวโจนส์ปิดวานนี้ปรับขึ้นรับตลาดหุ้นรีบาวด์

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีน ซึ่งช่วยให้ตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลกพลิกกลับมาปิดในแดนบวกอย่างถ้วนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า กรีซจะสามารถทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้ภายในสัปดาห์นี้ได้


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (10 ก.ค.) ที่ 17,548.62 จุด เพิ่มขึ้น 33.20 จุด หรือ +0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,922.40 จุด เพิ่มขึ้น 12.64 จุด หรือ +0.26% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,051.31 จุด เพิ่มขึ้น 4.63 จุด หรือ +0.23%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนบวกตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนขานรับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดีดตัวขึ้นถ้วนหน้า หลังจากตลาดหุ้นจีนพลิกกลับมาปิดบวกอย่างแข็งแกร่งกว่า 200 จุดเมื่อวานนี้ ภายหลังจากที่ทางการจีนใช้มาตรกาต่างๆเพื่อสกัดการร่วงลงของตลาด รวมถึงการที่สถาบันสินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ของจีน (CSF) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่ให้บริการสินเชื่อสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อหุ้นด้วยมาร์จิ้น จะจัดหาสภาพคล่องให้กับผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนสาธารณะ

ด้านธนาคารกลางจีนให้คำมั่นที่จะสนับสนุนสถาบัน CSF ในการเสริมสภาพคล่องเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในระยะนี้ พร้อมระบุว่า ธนาคารกลางได้ให้วงเงินสินเชื่อแก่ CSF อย่างเพียงพอเพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อ (re-lending) และยังได้อนุมัติให้ CSF ออกพันธบัตรการเงินระยะสั้นในตลาดอินเตอร์แบงก์เพื่อเสริมสภาพคล่องอีกด้วย

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากมุมมองที่เป็นบวกว่า กรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ภายในสัปดาห์นี้ได้ หลังจากที่รัฐบาลกรีซได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้ระยะ 3 ปีจากทางกองทุน ESM แล้ว พร้อมกับยืนยันที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการที่เจ้าหนี้เรียกร้องในข้อตกลงให้ความช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน ซึ่งส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกไม่มากนัก เพราะตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 3.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจโลกหดตัวในปี 2009 โดยปรับลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 3.5% และต่ำกว่าการขยายตัวในปีที่แล้วที่ 3.4%

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้นกว่า 1.4% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ปรับขึ้น 1.7% และหุ้นอัลโค ขยับขึ้น 0.9%

Back to top button