พาราสาวะถี

อรชุน

ปกติคำว่าไม่มีสัจจะจะใช้ในหมู่โจร แล้วสิ่งที่กลุ่มสามมิตรถูกเบี้ยวจากการจัดโผครม.ของรัฐบาลสืบทอดอำนาจจะเรียกว่าอะไรดี เรื่องนี้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน และ อนุชา นาคาศัย และกลุ่มสามมิตรรู้ซึ้งเป็นอย่างดี สุดท้ายก็เดินทางมาถึงจุดแตกหักเมื่อทั้งหมดประกาศขับ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ คนที่มาแย่งเก้าอี้รมว.พลังงานสุริยะพ้นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ สวนทางกับสารท่านผู้นำที่เพิ่งออกมาขอโทษประชาชนต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

ความจริงตั้งแต่คราวจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคสืบทอดอำนาจก็น่าจะเอะใจ แต่คงทำใจดีสู้เสือหรือมองโลกสวยคิดว่า ใครจะบ้ามาหักหลังกันซ้ำซาก แน่นอนว่า มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ทำแบบนั้น คนปกติหรือรัฐบาลผสมโดยทั่วไปไม่มีใครเขาทำกัน เมื่อถึงเวลานี้คงเห็นแล้วว่าองคาพยพของพวกอยากอยู่ยาวนั้น ประกอบไปด้วยใครบ้าง นักการเมืองที่ไปตกหลุมพรางก็แค่พวกเข้าไปช่วยสร้างความชอบธรรมให้กับเผด็จการแปลงร่างเท่านั้น

เห็นได้จากรายชื่อรัฐมนตรีที่ผู้นำเผด็จการปิดจ็อบ หัวใจหลักจะประกอบไปด้วย 4 ส่วนคือ พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ เนติบริกรผู้แปลงทุกความต้องการทางกฎหมายเป็นข้อบังคับที่ใครก็แตะหรือตรวจสอบไม่ได้ รัฐมนตรีจากทีมเศรษฐกิจของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ แกนนำม็อบกปปส.ที่ถูกส่งมาช่วยงานองคาพยพเผด็จการก่อนจะมีการเลือกตั้ง อาจมีอีกส่วนคือ พรรคการเมืองที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ซึ่งจะว่าไปแล้วกลุ่มนี้ก็คือพวกเดียวกันตั้งแต่ต้น

ดังนั้น กลุ่มสามมิตรอาจกลายเป็นพวกมาทีหลังแต่ชอบแสดงพลังใหญ่โต จนบางครั้งเกือบทำให้แผนการที่คณะเผด็จการวางไว้เสียศูนย์ นับตั้งแต่การเดินสายช่วงที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งหรือปลดล็อกทางการเมือง ท่ามกลางข้อกังขาเรื่องมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็ถูไถกันมาจนได้ ก่อนที่จะเกิดวาทกรรมทั้ง รัฐธรรมนูญดีไซน์เพื่อพวกเรา และ รัฐธรรมนูญเขียนมาเพื่อพลังประชารัฐเท่านั้นที่จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล

ทั้งหมดนี้ อาจเป็นพฤติกรรมนักการเมืองที่ทำให้ท่านผู้นำไม่ปลื้ม และเห็นว่าคนพวกนี้ไม่น่าจะมีประโยชน์ มิหนำซ้ำ อาจจะนำโทษมาให้เอาง่าย ๆ การจัดวางไว้ในตำแหน่งที่อยู่กับผลประโยชน์น้อยหรือบางคนไม่ให้ตำแหน่งเอาเสียดื้อ ๆ น่าจะทำให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยมากกว่า ส่วนใครจะร้องแรกแหกกระเชอยังไงก็ไม่สน เพราะเชื่อมั่นว่าที่ทำให้ทุกคนมีวันนี้ได้เพราะตัวเองทั้งนั้น ขณะเดียวกัน ยิ่งลากยาวยืดเยื้อไปมากเท่าไหร่ อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในมือยิ่งอยู่ยาวตามไปด้วย

เหมือนที่มีนักการเมืองหลายรายค่อนขอด การไม่เร่งรีบตั้งรัฐบาลอ้างโน่นอ้างนี่สารพัดเป็นเพราะผู้นำเผด็จการยังไม่อยากทิ้งอำนาจพิเศษและมาตรายาวิเศษที่มีอยู่ในมือไป ขณะที่สถานะของรัฐบาลคสช.ก็เป็นรัฐบาลอำนาจเต็ม จะทำอะไรก็ได้ จึงไม่เห็นที่จะต้องไปเร่งรัดอะไร ส่วนมาตรการเด็ดขาดคำขู่ที่ว่าให้สามมิตรคืนเงินช่วงหาเสียงหากคิดจะแปรพักตร์หรือขย่มให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคไม่เลิกคงไม่เป็นผล เมื่อถูกบีบเข้าตาจนแบบนี้คงต้องดิ้นกันให้สุดทาง

อย่างที่บอก เผด็จการคณะนี้วางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนจะลงมือยึดอำนาจ ทุกย่างก้าวดำเนินไปด้วยความรัดกุมประเภทหัวหมอ คำท้าทายของ วิษณุ เครืองาม ต่อความพยายามในการตรวจสอบกระบวนการสรรหาส.ว.ที่ออกมาบอกว่า ดูซิจะมีช่องทางไหนไปยื่นได้อีก เป็นการยืนยันถึงการปิดประตูล็อกตายไม่ให้ใครมาแหยมกับเผด็จการชุดนี้ได้ ไม่ว่าจะมีความสงสัยหรือแสดงพฤติกรรมเลวร้าย ไม่น่าไว้วางใจอย่างไรก็ตาม สีข้างถลอกปอกเปิกไม่ว่า แต่อย่ามายุ่งกับสิ่งที่คณะเผด็จการทำไว้ก็แล้วกัน

การแสดงออกว่ารังเกียจสภาผัวเมียจากบรรดาคนดีทั้งหลายแหล่ในห้วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้น ท้ายที่สุด คนดีทั้งหลายก็แต่งตั้งพวกพ้องเพื่อนฝูง ญาติโกโหติกาสารพัดรูปแบบเข้าไปมีอำนาจ โดยเฉพาะสภาลากตั้งที่มีอำนาจร่วมโหวตเลือกผู้นำประเทศด้วย การกดข่มไม่ให้คนเห็นต่างได้แสดงออก พร้อม ๆ กับการอ้างประชามติในคำถามพ่วงรัฐธรรมนูญ คือความสามานย์ที่บรรดาคนดีทั้งหลายพร้อมจะยอมรับ และไม่ได้แสดงออกต่อพฤติกรรมอันเลวร้ายดังกล่าวแต่อย่างใด

นี่คือความได้เปรียบของอำนาจเผด็จการ ไม่เพียงเท่านั้น หลาย ๆ ประเด็นที่สังคมตั้งข้อกังขาถึงความไม่ชอบมาพากล หากเป็นรัฐบาลเลือกตั้งหรือคนจากระบอบทักษิณเป็นต้องถูกเล่นงาน เหยียบให้จมดินไปแล้ว แต่นี่นอกจากไม่รุมกระหน่ำซ้ำเติมแล้ว ยังช่วยกันโอบอุ้มยกยอสิ่งที่เคยกล่าวหาว่าชั่วว่าเลวก่อนหน้าเป็นสิ่งดีงามในยุคสมัยนี้อีกต่างหาก โดยเฉพาะบรรดาพวกดอกเตอร์ด็อกแต๋วทั้งหลายแหล่ ใครเป็นใคร คนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง

เหมือนอย่างเผด็จการรัฐสภาที่บางพรรคการเมืองอุปโลกน์ขึ้นมา เช่นเดียวกับวาทกรรมแทรกแซงองค์กรอิสระ สิ่งที่เกิดขึ้นจากการปฏิเสธบรรจุญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบกระบวนการสรรหาส.ว. และกรณีบทสรุปที่ออกมาในหลายเรื่องขององค์กรอิสระหลายแห่งในห้วงเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองดังว่า กลับไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ แม้แต่น้อย แถมยังเข้าไปร่วมกับรัฐสภาเผด็จการ ร่วมสร้างความชอบในขบวนการสืบทอดอำนาจไปเสียฉิบ

คำถามที่สำคัญคือ ทุนสามานย์ที่เคยใช้เคลื่อนไหวโจมตีระบอบทักษิณก่อนหน้านั้น วันนี้สิ่งที่เอื้อต่อนายทุนเจ้าสัวทั้งหลายไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร สามานย์อุ้มนายทุนอย่างนั้นหรือไม่ นี่ไงบทพิสูจน์ของความจริงที่ว่า ใครหรือพวกไหนก็ตามที่พูดเรื่องโกหกให้เป็นเรื่องจริง สุดท้ายมันก็จะวกกลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองโกหกไว้เองทั้งหมด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับแต่หลังรัฐประหารจนหลังการเลือกตั้งล้วนแต่ทำให้เห็นว่า ที่เคยกล่าวหาคนอื่นไว้นั้น ตัวเองและพวกสามานย์กว่าหลายเท่าตัวนัก