บาปกรุงไทย

อุตตม สาวนายน ถูกพรรคเพื่อไทยตั้งแง่ เป็น 1 ใน 5 กรรมการบริหารที่ปล่อยกู้กลุ่มกฤษดามหานคร กระทั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกระนาว แต่อุตตมรอดมาได้อย่างไร ทำไมไม่ถูกเอาผิด


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

อุตตม สาวนายน ถูกพรรคเพื่อไทยตั้งแง่ เป็น 1 ใน 5 กรรมการบริหารที่ปล่อยกู้กลุ่มกฤษดามหานคร กระทั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกระนาว แต่อุตตมรอดมาได้อย่างไร ทำไมไม่ถูกเอาผิด

พรรคพลังประชารัฐเย้ยพรรคเพื่อไทยว่า ยิ่งขุดคุ้ยเรื่องนี้ยิ่งสาวไส้ทักษิณ เข้าเนื้อตัวเอง ดูผิวเผินเหมือนเป็นเช่นนั้น แต่ข้อสำคัญคือขุดให้ลึกจริงหรือไม่ เพราะถ้าขุดลึกลงไป คดีนี้ก็มีข้อมูลข้อสงสัยอีกมากมาย

อุตตมอ้างว่า ตัวเองไม่ผิดอย่าบิดเบือน เพราะได้ท้วงติงในบอร์ดแล้ว แต่ประเด็นที่อุตตมเลี่ยงไม่ตอบคือ ตัวเองได้ร่วมลงมติอนุมัติหรือไม่ เพราะปล่อยกู้เกิน 2 พันล้าน บอร์ดต้องมีมติเอกฉันท์

การที่อุตตมไม่ถูกเอาผิด ใช่หรือไม่ว่าเพราะแบงก์ชาติกันไว้เป็นพยาน โดยตามคำร้องทุกข์กล่าวโทษของ ธปท. ระบุว่าหลังจากทราบผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ และอุตตม สาวนายน ได้มาพบเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกและให้ถ้อยคำกับผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์ อ้างว่าพวกตนไม่เห็นด้วย

อุตตมอยู่ในสถานะไหนกันแน่ คัดค้านหัวชนฝาตั้งแต่ต้น หรือร่วมลงมติไปด้วยกัน ครั้นพอรู้ว่า ธปท.จะเอาผิด สอบข้อเท็จจริงแล้วชี้ว่าเป็นการให้สินเชื่อที่ผิดปกติ ก็วิ่งโร่ไปอ้างว่าไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น และแฉเบื้องหลังอีกต่างหาก

ถ้าเป็นอย่างแรก ก็น่าสงสัยว่ามติ 3-2 ปล่อยกู้ 9,900 ล้านได้หรือ ถ้าเป็นอย่างหลัง สาธารณชนก็ต้องตั้งคำถามว่าคนอย่างอุตตม คบได้หรือไม่ เอ๊ย เป็นรัฐมนตรีคลังได้หรือไม่

เพราะแม้ไม่ถูกดำเนินคดี แต่ก็มีคำถามเรื่องความเหมาะสม ถ้าเชื่อว่าคดีนี้ผิดจริง ชั่วร้าย เลวทราม อุตตมก็น่าจะร่วมทำผิดมาตั้งแต่ต้นแล้วกลับลำ ถ้าเชื่ออย่างบางคนว่า อันที่จริงมันเป็นการปล่อยกู้ตามปกติของสถาบันการเงิน ที่มีความเสี่ยงอยู่บ้าง แค่พลาด ไม่ถึงขั้นโกง ฯลฯ อุตตมจะอยู่ตรงไหน ยิ่งไม่รู้เลย

เพราะคำให้การของชัยณรงค์, อุตตม ที่ว่า ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ ประธานบอร์ด อ้างว่ามีบุคคลภายนอกขอมา ทำให้ คตส.ตั้งข้อหา “ซูเปอร์บอส” คือทักษิณ แต่ท้ายที่สุด เอาผิดทักษิณไม่ได้ ศาลชี้ว่า ยังไม่ชัดเจน “ซูเปอร์บอส” หมายถึงใคร แต่จำเลยอื่นทั้งยวงก็ต้อง “ขึ้นลิฟท์” ไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่เป็นศาลชั้นเดียว และยึดสำนวน ปปช.เป็นหลัก

คดีกรุงไทยอยู่ในบริบทซับซ้อน ก่อนรัฐประหาร 2549 ซึ่งการแยกขั้วไม่ได้เป็นเช่นปัจจุบัน การปล่อยกู้เกิดในปี 2546 แล้ว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่า ธปท.เข้ามาสอบสวนตั้งแต่ปี 47 กล่าวโทษปี 48 พร้อมคัดค้านการต่อสัญญาจ้าง วิโรจน์ นวลแข เป็นกรรมการผู้จัดการ

ซึ่งตอนนั้นถ้าอ่านตามข่าว หรือตามหนังสือ “ในหนึ่งแผ่นดิน” ของหม่อมอุ๋ยเอง ทักษิณก็ไม่ได้ขัดขวางหรือคัดค้าน คนที่ไม่พอใจมากกลับเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง

“นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเล่าให้ผมฟังว่า เจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นได้เข้าหานายกฯ ขอให้สั่งการให้ผมหยุดกล่าวโทษและยินยอมให้ต่ออายุผู้บริหารสูงสุดคนนั้น ซึ่งนายกฯ ได้ตอบว่าสายไปแล้ว…”

เจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นจึงโกรธทักษิณมาก อย่างที่รู้กัน ส่วนกรรมการผู้จัดการแบงก์กรุงไทยคนต่อมาก็คืออภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ทีมสมคิดนั่นเอง

ทักษิณยืนข้างหม่อมอุ๋ย ยอมให้กล่าวโทษผู้บริหารกรุงไทย ทั้งที่รู้ว่าในคำกล่าวโทษอ้างถึง “บุคคลภายนอกขอมา” ทักษิณคงไม่รู้ว่าหมายถึงใคร จนเกิดรัฐประหาร 49 คตส.ฉวยคดีไปทำ จึงรู้ว่า “ซูเปอร์บอส” กลายเป็นทักษิณนี่เอง

 

Back to top button