รัฐบาลแย่โทษฝ่ายค้าน
ธนาคารโลกชี้จุดเสี่ยงเศรษฐกิจไทย รัฐบาลผสมอยู่ไม่ยืด น่าห่วงยิ่งกว่าสงครามการค้า ลดจีดีพีจาก 3.8 เหลือ 3.5 อาการน่าเป็นห่วง เพราะเผชิญแรงกดดันทั้งในและต่างประเทศพร้อมกัน อย่างที่ไม่เคยอยู่ในจุดนี้มานาน
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
ธนาคารโลกชี้จุดเสี่ยงเศรษฐกิจไทย รัฐบาลผสมอยู่ไม่ยืด น่าห่วงยิ่งกว่าสงครามการค้า ลดจีดีพีจาก 3.8 เหลือ 3.5 อาการน่าเป็นห่วง เพราะเผชิญแรงกดดันทั้งในและต่างประเทศพร้อมกัน อย่างที่ไม่เคยอยู่ในจุดนี้มานาน
อย่ากระนั้นเลย เราต้องยุติสงครามการเมือง ฝ่ายค้านอย่าจ้องล้มรัฐบาล คนไทยต้องหันหน้าเข้าหากัน รู้รักสามัคคี อย่ามัวแต่ด่าประเทศตัวเอง ว่าสืบทอดอำนาจเผด็จการ โกงกติกา ตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตให้ตัวเอง ฯลฯ เพราะถ้ารัฐบาลอยู่ไม่ยืด เศรษฐกิจจะฉิบหาย ประชาชนจะลำบาก โดยเฉพาะคนยากคนจน บลา ๆ ๆ
ย่อหน้าหลังธนาคารโลกไม่ได้พูด แต่เชื่อแน่ว่า รัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล 250 ส.ว. จะฉวยมาตีปี๊บ โทษฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวการเมืองสร้างความวุ่นวาย เป็นพวกไม่เคารพกติกา แพ้แล้วพาล จ้องลงถนน จะเคลื่อนไหวนอกสภา หาเรื่องไปเรื่อย เดี๋ยวยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส. เดี๋ยวยื่นตีความนายกฯ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เหิมเกริมจะตรวจสอบอำนาจ คสช.ตั้งกรรมการสรรหา ส.ว.
ถ้าอยากให้เศรษฐกิจดี ประเทศสงบ ทุกอย่างต้องจบ เลิกพูดเรื่องประยุทธ์สืบทอดอำนาจโดยไม่ชอบธรรม เรื่องทั้งหมดผ่านไปแล้ว ประยุทธ์จะเป็นรัฐบาลของปวงชนชาวไทย ทุกคนต้องไม่ขัดแย้งกัน อย่างไปพูดที่ภูเก็ต ท่านผู้นำทำเพื่อประชาชน แต่คนไทยบางกลุ่มชอบว่าประเทศตัวเองทุกวัน โลกโซเชียลก็ปลุกปั่น ฝ่ายค้านควรคำนึงถึงประเทศชาติ อย่าตีรวนงบประมาณ อย่าใช้เวทีสภาล้มรัฐบาล
นี่คือปฏิบัติการจิตวิทยา โยนให้ฝ่ายค้านและคนวิจารณ์รัฐบาลเป็นฝ่ายผิด ทำนองเดียวกับคดีจ่านิว ใครทำร้ายจ่านิวไม่ทราบ แต่รัฐบาลก็ไม่สบายใจ ไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นอีก ฉะนั้นจ่านิวควรหยุดเคลื่อนไหว แล้วจะให้ตำรวจคุ้มกัน แต่ถ้ายังเคลื่อนไหวอยู่ ก็ตัวใครตัวมัน
เดี๋ยวพอจ่านิวโดนทำร้ายอีก อ้าว นั่นไง จ่านิวเป็นฝ่ายผิด แส่หาเรื่องเอง ทำให้ประเทศเสียหาย กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
ทำนองเดียวกับการปลุกความเกลียดชังพรรคอนาคตใหม่ โดยอาศัยพวกสุดขั้วสุดโต่ง ซึ่งมีแค่หยิบมือ แต่เป้าหมายคือทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สบายใจ อยากให้พรรคอนาคตใหม่ลดบทบาทลง สังคมจะได้ไม่รุนแรง หรือถ้าธนาธรโดนศาลตัดสิทธิ ก็ไม่ควรต่อสู้ว่าไม่ยุติธรรม เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ อยู่เฉย ๆ ให้บ้านเมืองสงบก่อน
นี่คือ IO แบบไทย ๆ ซึ่งได้ผลกับวัฒนธรรมหยวนยอม ใครไม่ยอมเป็นคนผิด คนคัดค้านอำนาจไม่ชอบธรรมเป็น “พวกสร้างความวุ่นวาย” หน้าเดิม ๆ ไม่กี่คน ทั้งที่ผลเลือกตั้ง คนไม่เอาประยุทธ์ 16.5 ล้าน เอาประยุทธ์ 8.9 ล้านเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ปฏิบัติการ IO แบบนี้ ต่อให้ได้ผล ก็คือทำให้คนรู้สึกว่า แย่อย่างไรก็ยังต้องอยู่กับประยุทธ์ ปริ่มน้ำกับประยุทธ์ จมน้ำกับประยุทธ์ ไม่มีตัวเลือกอื่น บางคนกระทั่งเฮือกสุดท้ายก่อนจมน้ำตาย ก็คงฝังหัวว่าประยุทธ์เป็นตัวเลือกที่แย่น้อยที่สุด
อันที่จริงก็เป็น IO ที่ซ้ำซากมา 5 ปี เพียงรอบนี้หวังว่าจะมีตัวช่วย คือนักการเมือง ที่แม้ขัดแย้งแก่งแย่งกัน ก็อยากเป็นรัฐบาลนาน ๆ พอตั้งรัฐบาลจึงโหมประโคม “ขอเวลาทำงาน” พยายามสร้างความหวังจากนโยบายพรรค เช่นกัญชารักษาทุกโรค พยายามระดมฝีปากช่างทาสี มาเป็นองครักษ์รัฐบาล
ในภาพรวมคือความพยายามเคลื่อนย้ายระบอบรัฐประหารมาอยู่ในคราบเลือกตั้ง ซึ่งขัดแย้งในตัวมันเอง พิกลพิการและไปไม่รอดในตัวมันเอง แต่จะโทษคนคัดค้าน ว่าทำให้ประเทศพัง