พาราสาวะถี
ประกาศความพร้อม โชว์ความฟิต ด้วยการนัดประชุมครม.ประยุทธ์ 2 ทันที หลังจากเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าผู้นำเผด็จการยังคงอาลัยอาวรณ์หรือสลัดคราบความเป็นหัวหน้าคสช.ไม่หมด เมื่อแถลงหลังประชุมครม.นัดสุดท้ายเมื่อวันอังคารดักคอฝ่ายค้านว่า อย่าใช้สภาล้มรัฐบาล อย่าตีรวนในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยอ้างเหตุผลว่า ประชาชนทุกคนรออยู่ และรัฐบาลก็จะจัดสรรงบให้ทุกจังหวัดอย่างเป็นธรรม
อรชุน
ประกาศความพร้อม โชว์ความฟิต ด้วยการนัดประชุมครม.ประยุทธ์ 2 ทันที หลังจากเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าผู้นำเผด็จการยังคงอาลัยอาวรณ์หรือสลัดคราบความเป็นหัวหน้าคสช.ไม่หมด เมื่อแถลงหลังประชุมครม.นัดสุดท้ายเมื่อวันอังคารดักคอฝ่ายค้านว่า อย่าใช้สภาล้มรัฐบาล อย่าตีรวนในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยอ้างเหตุผลว่า ประชาชนทุกคนรออยู่ และรัฐบาลก็จะจัดสรรงบให้ทุกจังหวัดอย่างเป็นธรรม
โถ! ก็เคยชินแต่ชี้นิ้วสั่งการสภาลากตั้งมากว่า 5 ปี เวลาอภิปรายแต่ละครั้งได้ยินแต่เสียงปรบมือและคำสรรเสริญเยินยอ พอจะต้องมาฟังฝ่ายค้านทักท้วงบ้างรีบตีกันเสียแต่เนิ่น ๆ อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าผู้นำจากระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่ผ่านการเลือกตั้ง เพราะสภาที่มีฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะให้ฝั่งตรงข้ามเงียบ หรือคอยหนุนว่างบประมาณส่วนนั้นส่วนนี้ดีแล้วครับท่าน ผ่านได้เลยครับพี่ไม่มีอย่างแน่นอน เพราะสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ไม่มีทางที่จะสร้างอภินิหารกฎหมายเหมือนอย่างที่สภาลากตั้งหน้าทนทำกัน
สภาพแวดล้อมและบรรยากาศของการประชุมเปลี่ยนไปขนาดไหน สงสัย พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาที่ไปนั่งทำหน้าที่รองประธานรัฐสภาคงได้สัมผัสแล้ว รีบไปสะกิดเตือนลูกพี่จึงตั้งการ์ดสูงตั้งแต่ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ความจริงฝ่ายค้านประเภทปาแฟ้มใส่ประธาน ทุ่มเก้าอี้ในที่ประชุม และพรรคการเมืองที่ไม่ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วโบกมือให้ผู้นำเผด็จการมาทำการรัฐประหาร อาการแบบนั้นน่าห่วงกว่า หรือว่าท่านผู้นำไปจำภาพดังกล่าวนั้นมา ถ้ามองไปยังฝ่ายค้านชุดปัจจุบันไม่น่าจะมีพฤติกรรมแบบนั้น
ความเป็นจริงของการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ หากไม่มีหมกเม็ด ทุกอย่างโปร่งใสและมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ต้องจัดสรรให้กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เมื่อฝ่ายบริหารสามารถชี้แจงได้กระจ่างชัด ไม่จำเป็นต้องรอให้ที่ประชุมสภาเป็นผู้ชี้ขาด ประชาชนที่เขาติดตามการประชุมก็เข้าใจและย่อมจะปกป้องฝ่ายที่ทำถูกอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหารที่ไม่ชอบการตรวจสอบ ใครมาแตะโดยเฉพาะงบของกองทัพไม่ได้ นั่นก็คงต้องออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ปิดปากเสียตั้งแต่วันนี้กระมัง (ฮา)
สภาพของสภาลากตั้ง พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์นิด้าที่ติดตามการประชุมวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อธิบายได้ชัดเจน ห้องประชุมวิเวกวังเวงโหวงเหวงเป็นอย่างยิ่ง จึงเกิดอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือสภาดังว่านี้จะมานั่งหน้าสลอนก็ต่อเมื่อต้องทำหน้าที่รับใช้ผู้แต่งตั้ง แต่ยามใดไม่ถูกเรียกจากเสียงของอำนาจ การขาดหายคือภาวะปกติ เห็นภาพนี้แบบนี้แล้วคงไม่ต้องสาธยายอะไรมาก รู้จักหน้าที่ ไม่มีใครสั่งได้ที่พากันประกาศกร้าวก่อนหน้านั้นมันแค่วาทกรรมลวงโลกเท่านั้นเอง
พวกประเภทสักแต่ว่าพูดหรือตั้งป้อมวางคำตอบไว้ตั้งแต่ต้น หรืออาจจะใกล้เคียงกับประเภทพูดเรื่องโกหกจนกลายเป็นเรื่องจริง มักจะหาสาระหรือความรับผิดชอบไม่ได้ แต่ที่น่าตลกมากกว่า คงเป็นคำให้สัมภาษณ์ของรองนายกรัฐมนตรีรายหนึ่งที่คนถามถึงการได้ไปต่อและความเห็นเรื่องการวางมือทางการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร คำตอบที่ได้ยินจนชินหูคือ ไม่ทราบ ที่อาการหนักคงคำตอบของคำถามที่ว่าแล้วท่านจะวางมือด้วยหรือไม่ ก็ยังวิสัชนาเช่นเดิมว่า ไม่ทราบ
อ้าว! เรื่องของตัวเองแท้ ๆ ยังไม่รู้แล้วนี่มันนกแก้วนกขุนทองชัด ๆ แต่คงว่าอะไรได้ไม่เต็มปาก ธรรมดาของคนที่เคยนั่งถ่างสองขา พอมารอบนี้เหลือเก้าอี้เดียว แม้หน้าฉากจะแสดงออกอย่างจริงใจว่าแก่แล้ว พอแล้ว แต่เบื้องหลังหนีไม่พ้นดราม่า ซึ่งจะว่าไปกว่า 5 ปีที่ผ่านมา กับผลงานที่สร้างไว้ทำให้น้องนุ่ง บริวารว่านเครือได้สุขสบายกันก็น่าจะเพียงพอแล้ว ขืนดันทุรังต่อไปภายใต้รัฐนาวาที่ถูกตรวจสอบอย่างหนักหน่วงจะตกม้าตายกันเอาง่ายๆ
ส่วนรายนี้ ไม่รู้ว่าดีใจที่ได้อยู่ที่เดิมจนลืมมารยาทหรือต้องการประกาศไว้แต่เนิ่น ๆ นักการเมืองที่จะเข้ามาทำงานด้วยต้องเตรียมตัวเตรียมใจอะไรบ้าง พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ตอบคำถามนักข่าวเรื่องแบ่งงานในกระทรวงมหาดไทยให้สองรัฐมนตรีช่วยจากพรรครัฐบาลแบบไม่เหนียม ประหนึ่งว่าข้านี่แหละเจ้ากระทรวงตัวจริงเสียงจริง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไปถามคนที่มีชื่อเป็นว่าที่เสนาบดีต่างบอกปัดกันเป็นแถวไม่รู้ได้คุมกระทรวงไหน แต่เห็นรายชื่อครม.ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้วของเขาดีจริง
ดีเหมือนกันที่ไม่เหนียม จะได้รู้กันไปพรรคแกนนำรัฐบาลใครคือตัวจริงเสียงจริง พวกสี่กุมารที่ไปแผ้วถางทาง จากภาวะขาลอยที่ไร้ตำแหน่งส.ส.ก็รอสมหวังสร้างพลังอำนาจจากเก้าอี้รัฐมนตรีเท่านั้น การสั่งการ การตัดสินใจทั้งหมดก็รู้อยู่ว่าเป็นใคร ไม่ต้องไปถามประเด็นคนนอกครอบงำพรรคจากองค์กรตรวจสอบอย่างกกต. การยกคำร้อง 5 เรื่องรวดเป็นเครื่องหมายการค้าการันตีความคงเส้นคงวาขององค์กรนี้ว่าโปร่งใส เป็นธรรม ไม่มีสองมาตรฐาน
ด้านพรรคสืบทอดอำนาจ วันวานจัดประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารกับส.ส.ของพรรค กลุ่มก๊วนต่าง ๆ หัวร่อต่อกระซิกกันชื่นมื่น ท่านผู้นำเห็นภาพอย่างนี้แล้วคงชุ่มชื่นหัวใจ แต่นี่มันเป็นการเมืองในภาพชีวิตจริง สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น ความขัดแย้งของกลุ่มผู้พลาดหวังใช่ว่าจะสงบด้วยความเต็มใจและไร้ข้อกังขา ทุกอย่างมีเรื่องของเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งสิ้น พิสูจน์ความจริงใจ พิสูจน์สัจจะที่ตกปากรับคำกันไว้ ถ้าถึงกำหนดแล้วยังเบี้ยวกันต่อเนื่อง ระเบิดเวลาที่ตั้งกันไว้พร้อมที่จะตูมตามได้ทุกเมื่อ
ติดตามกันอย่างใกล้ชิดกับคำประกาศของคนแดนไกลต่อการงดจัดงานวันเกิดแบบเอิกเกริกเหมือนที่ผ่านมา ขอปาร์ตี้เงียบ ๆ กับคนในครอบครัวที่ดูไบ ถูกโยงไปถึงการประกาศวางมือทางการเมืองของ “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ก่อนหน้า จะว่าไปแล้วขึ้นชื่อว่าทักษิณแม้ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ฝ่ายกุมอำนาจเมื่อมีเรื่องจวนตัวก็จะขุดเอาผีทักษิณมาสร้างกระแสทุกครั้ง ดังนั้น หัวใจสำคัญคือวันนี้คนในประเทศทุกพวกทุกฝ่ายก้าวข้ามอดีตนายกฯ คนนี้แล้วหรือยัง
เพราะความเป็นจริง การไม่แสดงออกหรือเคลื่อนไหวใด ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกอย่างจะสงบนิ่ง ตราบใดที่ยังมีพรรคการเมืองที่ชื่อเพื่อไทยและเครือข่ายอยู่ เมื่อใดที่พรรคเหล่านี้แตกสลาย บรรดาสมาชิกแยกย้ายสลายตัวไปแล้ว เมื่อนั้นนั่นแหละจึงจะเป็นการยืนยันได้ว่าทักษิณไม่ข้องแวะใดๆ ทางการเมืองแล้ว อย่าบ้องตื้นตื่นตูมกับเรื่องแบบนี้ คิดและมองไปกันข้างหน้าว่าจะก้าวข้ามกับดักเผด็จการที่วางไว้เป็นตัวถ่วงความเจริญของประชาธิปไตยกันอย่างไรน่าจะดีกว่า