คัด 9 หุ้นใหญ่แนวโน้มเติบโตดีรับตลาดหุ้นไทยเป้าหมาย Fund Flow

คัด 9 หุ้นใหญ่แนวโน้มเติบโตดีรับตลาดหุ้นไทยเป้าหมาย Fund Flow


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ที่แนะนำลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตได้ดี เนื่องจากจะเป็นกลุ่มที่สามารถรับมือกับภาวะตลาดหุ้นผันผวนได้เป็นอย่างดี ขณะที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของเม็ดเงินต่างชาติ

โดยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ได้แนะนำหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี ทั้งหมด 9 บจ. ประกอบด้วย MINT, FPT, BBL, LH, TU, M, BJC, KKP และ AMATA 

ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่า ด้วยความเสี่ยงจากสงครามการค้าและภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น คงเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกลับมาอยู่ในระดับต่ำ ขณะเดียวกันก็จะจูงใจให้เกิดการโยกย้ายการลงทุนไปในแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งจากปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ทำให้เชื่อว่าแนวโน้ม Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

โดยเป้าหมายหลักน่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ใน ดัชนี SET50 และ SET100 รวมถึงหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตดี อาทิ หุ้นในพอร์ตจำลองของฝ่ายวิจัยเอเซียพลัส ประกอบด้วย

อันดับที่ 1 บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ราคาเป้าหมาย 47 บาท , อันดับที่ 2 บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ราคาเป้าหมาย 20.30 บาท,อันดับที่ 3 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ราคาเป้าหมาย 227 บาท ,อันดับที่ 4 บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ราคาเป้าหมาย 13.60 บาท ,

อันดับที่ 5 บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ราคาเป้าหมาย 23 บาท, อันดับที่ 6 บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M ราคาเป้าหมาย 84 บาท , อันดับที่ 7 บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ราคาเป้าหมาย 61 บาท ,อันดับที่ 8. ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ราคาเป้าหมาย 75.60 บาท และ อันดับที่ 9 บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ราคาเป้าหมาย 35.70 บาท

สำหรับ Top Pick ฝ่ายวิจัยยังคงชื่นชอบ BJC (FV@B 61) ด้วยมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ และขยายสาขาใหม่ (ปีนี้รวม 8 แห่ง) หนุนยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เติบโตสูงขึ้นจากครึ่งปีแรกของปี 62 ที่ 0.5% จากปีก่อน (สมมติฐาน SSSG ทั้งปีที่ 1.8%) บวกกับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่จะมีคำสั่งซื้อกระป๋อง จาก SABECO และรายอื่นๆ ราว 400 ล้านกระป๋อง ในปีนี้ ทำให้คาดกำไรทั้งปี 2562 เติบโต 7.1% เท่ากับ 7.1 พันล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยัง Laggard กลุ่มฯ และมีมากถึง Upside  22% จากมูลค่าพื้นฐานที่ 61 บาท

อีกทั้ง MINT (FV@B47) นักวิเคราะห์ ASPS คาดแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/62 คาด Outperform กลุ่มฯ (กลุ่มบริษัทโรงแรมอื่นคาดอ่อนตัวจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน)  ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ขับเคลื่อนด้วยการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะจากกลุ่ม NH Hotel ที่มีสัดส่วนรายได้มากสุด เพราะเข้าสู่ High Season

อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ เป็นบวกต่อกำลังซื้อในประเทศ มีโอกาสผลักดันยอดขายร้านอาหารเดิม (SSSG) เติบโตดีขึ้น และส่งผลให้กำไรปกติทั้งปี 2562 เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน อยู่ที่ 6,796 ล้านบาท ในส่วนของราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 15.34% คงแนะนำซื้อ

Back to top button