พาราสาวะถี
ตีมึนกับแถไม่แน่ใจว่าสองคำนี้คือประเภทเดียวกันหรือไม่ แต่ฟังท่านผู้นำสืบทอดอำนาจชี้แจงเมื่อวาน เรื่องการที่จะถูกฝ่ายค้านอภิปรายในวันนี้ แล้วจะมีองครักษ์พิทักษ์ท่านผู้นำขึ้นมาตอบโต้แทน บอกว่าไม่ใช่ปกป้องตัวเอง แต่เป็นการปกป้องรัฐบาลช่วยให้ทำงานต่อไปได้ ละเลงให้เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ทั้งที่ ปัญหาคุณสมบัติส่วนตัวกับนโยบายของรัฐบาลนั้น มันต้องแยกออกจากกันชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้น ยังยกเอาคำว่าคนดีมาเป็นเกราะป้องกันตัวเองตามสูตร
อรชุน
ตีมึนกับแถไม่แน่ใจว่าสองคำนี้คือประเภทเดียวกันหรือไม่ แต่ฟังท่านผู้นำสืบทอดอำนาจชี้แจงเมื่อวาน เรื่องการที่จะถูกฝ่ายค้านอภิปรายในวันนี้ แล้วจะมีองครักษ์พิทักษ์ท่านผู้นำขึ้นมาตอบโต้แทน บอกว่าไม่ใช่ปกป้องตัวเอง แต่เป็นการปกป้องรัฐบาลช่วยให้ทำงานต่อไปได้ ละเลงให้เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ทั้งที่ ปัญหาคุณสมบัติส่วนตัวกับนโยบายของรัฐบาลนั้น มันต้องแยกออกจากกันชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้น ยังยกเอาคำว่าคนดีมาเป็นเกราะป้องกันตัวเองตามสูตร
จะว่าไป การแถลงนโยบายในวันนี้และการอภิปรายของฝ่ายค้าน ทั้งหมดไม่ได้มีอะไรที่จะต้องไปโฟกัสเป็นพิเศษ ในเมื่อฝ่ายสืบทอดอำนาจพร้อมที่จะทำหูทวนลมในทุกเรื่องที่พาดพิงถึง โดยยึดเอาความเป็นคนดีและมีกองเชียร์หนุนมาเป็นข้ออ้าง พร้อมๆ กับวลีฮิตฟังเสียงทุกฝ่ายแต่จะทำตามทุกคนไม่ได้ ถือเป็นสูตรสำเร็จของเผด็จการไม่ว่ายุคไหนสมัยใด เพียงแต่หนนี้มาเหนือเมฆใช้อภินิหารกฎหมายและการตีความแบบสีข้างเข้าถูของเนติบริกรมาเป็นไม้กันหมาอย่างดีเท่านั้นเอง
ท้ายที่สุด ภาพที่จะเกิดขึ้นในสภา คนที่ถูกพาดพิงอาจจะตอบโต้พอเป็นพิธีหรืออาจจะมีการลากคนภายนอกมาตอกกลับ สลับกับลูกคู่องครักษ์ทั้งหลายที่จะคอยตีรวน ผสมด้วยการคุมเกมแบบเข้าข้างของประธานในที่ประชุม ภาพเหล่านี้ไม่ใช่เฉพาะยุคนี้แต่เห็นกันมาทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่ว่าหนนี้มันมีเสียงของส.ว.ลากตั้งที่เป็นฝ่ายกุมอำนาจชัดเจน ดังนั้น ทุกอย่างมันจึงไหลไปในทางที่ว่า เมื่อมีการประชุมรัฐสภาทุกครั้ง ฝ่ายค้านไม่ใช่พวกที่กุมความได้เปรียบ
สุดท้าย คงต้องหันกลับมามองในเนื้อหาที่จะนำเสนอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเสียมากกว่าการพุ่งเป้าไปที่การพาดพิงตัวบุคคล เพราะไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องมีการออกมาแฉกันไปมาอยู่ดี อย่างที่บอกดีไม่ดี ทำไปทำมา เวทีอภิปรายนโยบายรัฐบาล จะกลายเป็นการซักฟอกฝ่ายค้านกลับเสียด้วยซ้ำไป แต่หากเตรียมเนื้อหามาแน่น ชี้ให้เห็นข้อบกพร่อง ความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากทำเช่นนั้น น่าจะทำให้ประชาชนคล้อยตาม และช่วยกันเกาะติด ตรวจสอบร่วมกับฝ่ายค้านไปด้วย
ส่วนรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายนั้น ไม่ต้องมาฉายหนังซ้ำกันอีกแล้ว ก็มีอยู่ 3 ป.กับ 11 คน ที่ปรากฏเป็นข่าวไปหมดแล้ว หากฝ่ายค้านไม่ได้มีเอกสาร หลักฐานมาประกอบให้แน่นหนา เราก็จะได้เห็นแค่วาทกรรม สำบัดสำนวน ประชดประชันกันไปมาเท่านั้น ที่สำคัญตามรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ว่าฝ่ายไหนคงต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษเพราะหากผู้อภิปรายออกมาระบุข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เสียหาย อาจจะมีโทษถึงขั้นปลดออกจากตำแหน่งได้
ขณะที่เนติบริกรประจำรัฐบาล วิษณุ เครืองาม ก็สะกิดเตือนมาดังๆ กรณีอภิปรายคุณสมบัติของท่านผู้นำที่เวลานี้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้วินิจฉัยแล้ว พึงระวังเพราะจะเข้าข่ายชี้นำได้ เช่นเดียวกัน กฎหมายใหม่ได้คุ้มครององค์กรอิสระแห่งนี้ไว้ด้วย ไม่สามารถที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์หรือก้าวล่วงเหมือนที่ผ่านมาได้อีกต่อไป นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่หากไม่ใช่พวกแรมบ้าแรมบ๊องคงต้องระวังตัวกันแจ และจะเป็นเหตุผลทำให้หนังตัวอย่างที่ฉายไว้น่าดูกลายเป็นจืดไปสนิทใจ
ดูเหมือนว่าฝ่ายกุมอำนาจจะมองข้ามช็อตเรื่องแถลงนโยบายไปแล้ว และไม่ใช่เรื่องการเดินหน้านโยบาย หากแต่เป็นกรณีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะเข้าไปนั่งเป็นหัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจแบบเต็มตัว เนื่องจากมีการยืนยันจากแหล่งข่าวของพรรคดังว่าแล้วว่า ท่านผู้นำได้ส่งใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพแล้ว ผ่าน ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รอแถลงนโยบายเสร็จก็จะมีการประชุมวิสามัญของพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ทันที
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การเข้ามาแบบเต็มตัวของผู้นำเผด็จการและอาจจะพ่วงเอาพี่ใหญ่มาด้วย ในมุมของพรรคสืบทอดอำนาจมองว่า จะเป็นการเข้ามาเพื่อหยุดปัญหากลุ่มก๊วนภายในพรรค และสกัดกั้นการก่อหวอดของกลุ่มสามมิตรที่แสดงออกอย่างรุนแรงต่อการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาหรือเพิ่มปัญหา เพราะรายชื่อของเลขาธิการพรรคคนใหม่จะเป็น ณัฐพล ทีปสุวรรณ ซึ่งก็คือไม้เบื่อไม้เมาของกลุ่มดังว่านั่นเอง
ประเด็นที่ว่าเข้ามาเพื่อแสดงให้พรรคร่วมรัฐบาลเห็นถึงความตั้งใจในการทำงานการเมืองนั้น คงไม่ใช่ เพราะเด็กอมมือยังรู้ว่าสิ่งที่วางแผนกันมาตั้งแต่ก่อนยึดอำนาจจนกระทั่งผ่านปรากฏการณ์เขาอยากอยู่ยาว ก็บ่งบอกชัดอยู่แล้วว่า จริงจังตั้งใจขนาดไหนที่จะอยู่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าประชาชนจะเบื่อ หรือไม่สามารถสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ได้นั่นก็ตัวใครตัวมัน รู้กันดีว่าอำนาจส.ว.ลากตั้ง 5 ปีร่วมโหวตนายกฯ นั่นเจตนาเพื่ออะไร
ปมของพรรคสืบทอดอำนาจไปจัดสัมมนาในรีสอร์ตที่ถูกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชดำเนินคดีข้อหาบุกรุกอุทยานแห่งชาติทับลานนั้น ผิดหรือไม่ ส.ส.เจ้าของพื้นที่ของพรรคยอมรับสารภาพเองรู้ว่าผิด แต่ก็แถไปว่าเหตุที่เดินหน้าจัดเพื่อที่จะได้ไปพิสูจน์ทราบว่า พื้นที่ส.ป.ก.ที่ห้ามนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นนั้น ข้อเท็จจริงในพื้นที่เป็นอย่างไร แหม!สมแล้วที่เป็นลิ่วล้อของคณะเผด็จการ ไม่มีใครหน้าทนได้ขนาดนี้แน่นอน
ที่น่าตกใจคงเป็นข้อมูลล่าสุดของ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่บอกว่าคดีดังกล่าวซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 7 ปี อัยการได้สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ถ้าคิดแบบอคติคงอดไม่ได้ที่จะมองไปถึงคดีของแรมโบ้อีสานที่หมดอายุความไปก่อนหน้านี้ แต่พอฟัง ดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ แล้วก็ถึงบางอ้อว่า เหตุที่สั่งไม่ฟ้องเพราะเจ้าหน้าที่ส.ป.ก.ในพื้นที่ให้ข้อมูลไม่ถูกต้องกับอัยการ ทะแม่งยังไงชอบกล
ขณะที่ท่านผู้นำออกมาขู่ฟ่อด ๆ อย่าเอาเรื่องนี้มาเกี่ยวกับรัฐบาล แล้วทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไม่ได้ ยิ่งไปกันใหญ่ แต่เรื่องนี้พอคนชื่อดำรงค์ขยับก็ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะเห็นภาพของการเอาจริงเอาจังในการตรวจสอบและเอาผิดเกิดขึ้น ส่วนเรื่องจริยธรรมของคนที่ไปจัดงานทั้งที่รู้ว่าผิดนั้นเมื่อแสดงออกถึงความหน้าทนมาแล้ว คงไม่ต้องไปถามหาสำเหนียกสำนึกใด ๆ