SET บ่ายแกว่ง Sideway upแนะซื้อเก็งกำไรหุ้นอสังหาฯ

SET เช้าแกว่ง Sideway ส่วนตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก รอความชัดเจนในการแก้ไขปัญหากรีซ หลังผู้นำยูโรโซนเลื่อนประชุม เพื่อรอแผนปฏิรูปกรีซผ่านมติสภาก่อน ช่วงบ่ายแกว่ง Sideway up คาดมีการทำ Cover Short หุ้นแบงก์หลังตอบรับปัญหาเชิงลบไปแล้ว โดยมีแนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,495-1,500 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (13 ก.ค.) แกว่ง Sideway ส่วนตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ ซึ่งตลาดยังรอความชัดเจนการแก้ไขปัญหากรีซ หลังผู้นำยูโรโซนเลื่อนประชุมไปอีก 3 วัน เนื่องจากรอให้แผนปฏิรูปใหม่ของกรีซผ่านมติสภาเสียก่อน เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือราว 8.2-8.6 หมื่นล้านยูโร

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยจะแกว่ง Sideway up คาดมีการทำ Cover Short ในหุ้นกลุ่มแบงก์ เนื่องจากตอบรับปัจจัยเชิงลบไปแล้ว โดยมีแนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,495-1,500 จุด แนะซื้อ INTUCH ในช่วงอ่อนตัว ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาแนะนำ”เก็งกำไร” SIRI-SPALI-LPN และ QH

 

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway สำหรับตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ขณะที่ตลาดยังรอความชัดเจนจากปัญหากรีซหลังจากที่การประชุมผู้นำยูโรโซนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เลื่อนการพิจารณาเรื่องของกรีซออกไปอีก 3 วัน เพื่อรอให้แผนปฏิรูปใหม่ของกรีซผ่านมติสภาเสียก่อน

ทั้งนี้ เห็นได้ว่าเจ้าหนี้ค่อนข้างจะขีดเส้นกับกรีซมากขึ้น เช่น ต้องมีการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และลดกองทุนบำเหน็จบำนาญ เป็นต้น เพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางการเงินที่มีมูลค่าราว 8.2-8.6 หมื่นล้านยูโร หากกรีซไม่ยอม ทางเจ้าหนี้มีสิทธิให้กรีซออกจากยูโรโซน

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ ดัชนีหุ้นไทยจะแกว่ง Sideway up คาดจะมีการทำ Cover Short หุ้นในกลุ่มแบงก์ เนื่องจากราคาหุ้นตอบรับปัจจัยลบจากเรื่องผลประกอบการไปแล้ว ซึ่งเหลือเพียงรอดูงบการเงินไตรมาส 2/58 ที่จะออกมา หาก inline หรือดีกว่าคาดจะช่วยหนุนให้เกิดการทำ Cover Short มากขึ้น โดยมีแนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,495-1,500 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ก.ค.) SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบตั้งแต่เปิดตลาด โดยมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน และสื่อสาร จึงแนะนำ “ซื้อ” INTUCH ในช่วงอ่อนตัว (แนวรับ 79 บาท) ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารแข็งแกร่งกว่าตลาด โดย TISCO เริ่มประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 วันนี้ ตามมาด้วย KBANK (ต้าน 190.5), SCB (ต้าน 157.5) และ BBL (ต้าน 180) ในวันที่ 16-17 ก.ค. และ KTB (ต้าน 17.8) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นจังหวะ Trading ระยะสั้น

ทั้งนี้ แม้ Momentum เศรษฐกิจที่อ่อนแอ แต่ด้วย Valuation ในเชิง PE ต่ำ 5-8 เท่าปีนี้ และ Dividend Yield มากกว่า 5% และผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะเติบโตทั้งช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ส่งผลทำให้หุ้นกลุ่มอสังหา มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดระยะสั้น แนะนำ “เก็งกำไร” SIRI (แนวต้าน 1.78/1.81 – The LINE 71 เปิดตัวเร็วๆ นี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า หลัง The LINE หมอชิตขายหมดภายใน 1 วัน)

ส่วน SPALI (แนวต้าน 18.4/19.0 – PE ต่ำที่ 6 เท่า และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 6% ขณะที่ Backlog สูง 86%), QH (แนวต้าน 2.52 บาท – ราคาปัจจุบันต่ำกว่า NAV ที่ถือหุ้นใน HMPRO-QHPF-QHHR-LHBANK และ Office Building ที่ 2.54 บาทต่อหุ้น) และ LPN (แนวต้าน 18.5 บาท – กำไรในไตรมาส 2/58 เติบโตเด่นทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า)

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ก.ค.) SET ปิดช่วงเช้าบวกแกว่ง Sideway คาดมีแรงขายเล่นรอบ หากเข้าใกล้แนวต้าน 1,488 ส่วนตลาดภูมิภาคก็เช่นเดียวกัน เว้นตลาดจีนแกว่งหวือหวา โดยตลาดยังติดตามปัญหาเรื่องของกรีซในอีกสามวัน หลังการประชุมวันอาทิตย์ยังไม่สรุปโดยเฉพาะการขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่ายบำเหน็จบำนาญของภาครัฐ เนื่องจากผู้นำยูโรโซนต้องการให้กรีซนำแผนปฏิรูปฉบับใหม่ผ่านสภาของกรีซก่อนซึ่งจะจัดขึ้นในวันพุธ มิฉะนั้นจะให้กรีซออกจากยูโรโซนชั่วคราวก่อนเป็นเวลา 5 ปี

สำหรับตลาดหุ้นไทยยังมีแรงเทขายของต่างชาติ ส่งผลให้ตลาดไม่สามารถปรับขึ้นได้ ปัจจัยในช่วงนี้ยังต้องจับตาการประกาศงบแบงก์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินฟองสบู่หุ้นในจีนไม่กระทบเศรษฐกิจ เนื่องจากเชื่อว่าการส่งออกตลาดจีนยังมีโอกาสเติบโต โดยแนะจับตา “ฟองสบู่-ค่าเงินหยวน”

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด (FED) ยืนยันว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ยังต้องจับตาเหตุการณ์ในต่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเป็นอุปสรรคต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสามารถเบรคผ่านกรอบ Falling Wedges มาได้ ซึ่งหากดัชนีสามารถยืน 1,485 จุดได้ต่อ มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,504 จุด

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

PTT มูลค่าการซื้อขาย 832.01 ล้านบาท ปิดที่ 339.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 797.02 ล้านบาท ปิดที่ 189.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 767.97 ล้านบาท ปิดที่ 155.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 628.82 ล้านบาท ปิดที่ 17.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 472.34 ล้านบาท ปิดที่ 101.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button