พาราสาวะถี
สิ่งที่ แก้วสรร อติโพธิ ถามความเห็นแฟนคลับไปแล้วเมื่อวันก่อน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯลิ้นทองหรือนกแก้ว การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาวันวานน่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจน ขนาดพูดตามสคริปต์ เอกสารที่อุตส่าห์เตรียมการมายังข้ามไปหลายหน้าและลืมพูดในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญในการแถลงนโยบายคือฯ การประกาศสถานะตัวเอง ทำให้ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคเศรษฐกิจใหม่ ต้องลุกประท้วงถามว่า ไม่รู้กล่าวในสถานะอะไร
อรชุน
สิ่งที่ แก้วสรร อติโพธิ ถามความเห็นแฟนคลับไปแล้วเมื่อวันก่อน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯลิ้นทองหรือนกแก้ว การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาวันวานน่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจน ขนาดพูดตามสคริปต์ เอกสารที่อุตส่าห์เตรียมการมายังข้ามไปหลายหน้าและลืมพูดในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญในการแถลงนโยบายคือฯ การประกาศสถานะตัวเอง ทำให้ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคเศรษฐกิจใหม่ ต้องลุกประท้วงถามว่า ไม่รู้กล่าวในสถานะอะไร
จนท่านผู้นำสืบทอดอำนาจต้องรีบขอโทษและอ่านถ้อยแถลงดังกล่าวทันที ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความคุ้นชินกับสภาเผด็จการที่ตัวเองตั้งมากับมือ การพูดจาที่เป็นเรื่องตอบโต้กับฝ่ายค้าน จึงเป็นเหมือนการสั่งการ พูดข้ามหัวประธานในที่ประชุม ทั้งที่ ในระบบรัฐสภาไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหรือรัฐมนตรีจะต้องพูดทุกเรื่องผ่านประธานในที่ประชุม ซึ่งนี่ถือเป็นกุศโลบายในการทำให้บรรยากาศการประชุมไม่ดุเดือด รุนแรง แต่ดูเหมือนว่าท่านผู้นำไม่ได้อินังขังขอบต่อระบบ ระเบียบเหล่านั้นแต่อย่างใด
สิ่งที่ทำได้ตามมาเมื่อถูกประท้วงจึงทำได้แค่การขอโทษ แขวะฝ่ายตรงข้าม และหยอดมุกสามบาทห้าบาทเหมือนพวกตลกคาเฟ่ โดยมีลูกคู่ลิ่วล้อทั้งส.ส.พรรคสืบทอดอำนาจและส.ว.ลากตั้งคอยสอพลอหัวเราะรับ พร้อมมีเสียงปรบมือเป็นระยะ แหม!ช่างครื้นเครงกันเสียจริง ๆ อย่างที่บอกว่า ท้ายที่สุด โดยกระบวนการของขบวนการสืบทอดอำนาจที่ได้วางไว้ สุดท้าย ก็พากันถูลู่ถูกังจนรัฐบาลเรือเหล็กเสียงปริ่มน้ำอยู่กันได้ แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ความไว้วางใจและเสียงตอบรับของประชาชน
ส่วนอีกคนที่ถูกพาดพิงและเห็นอาการจากการลุกขึ้นชี้แจงแล้วต้องยอมรับว่า เครียดและกดดันกับประเด็นที่ถูกโจมตีเป็นอย่างมากนั่นก็คือ อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ถูกเล่นงานจากกรรมเก่าเรื่องการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ฝ่ายค้านก็จี้จุดถามหาเอกสาร หลักฐานยืนยันว่าในฐานะคนที่คัดค้านการดำเนินการดังกล่าว มีอะไรที่จะนำมาพิสูจน์ให้สังคมเลิกกังขาได้หรือไม่
แต่ปรากฏว่าหัวหน้าพรรคนอมินีของขบวนการสืบทอดอำนาจ ก็ท่องคาถาบทเดิมคือมีขบวนการสร้างข่าวให้ร้ายป้ายสีโจมตีให้เสียหาย ทั้งที่เคยชี้แจงหลายครั้งและศาลตัดสินถึงที่สุดไปแล้ว ก็ในเมื่อชัดเจนขนาดนั้น ทำไมไม่นำเอกสารหลักฐานใด ๆ มาเปิดเผยให้ทุกฝ่ายเลิกสงสัย ติดขัดอะไร ประเด็นลักษณะแบบนี้นี่แหละ หากฝ่ายค้านมีหลักฐานขึ้นมาเมื่อไหร่ มันจะทำให้รัฐบาลพังพาบเอาได้ง่าย ๆ การ์ดตกเมื่อไหร่เป็นได้เรื่องแน่นอน
คงไม่ต่างกันกับกรณีของพรรคที่ตัวเองเป็นหัวหน้ากระมัง กับการที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางไปร่วมปิดสัมมนาส.ส.ของพรรค จนถูก ศรีสุวรรณ จรรยา ไปร้องต่อกกต.ให้ยุบพรรคโทษฐานปล่อยให้คนนอกครอบงำ ชี้นำพรรค ล่าสุด ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ และแกนนำคนสำคัญของพรรค ออกมาบอกกับสื่อว่าพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้ว แต่ไม่รู้วันไหน เหตุที่ยังไม่ปรากฏข้อมูล เกรงว่าจะเกิดจากระบบคอมพิวเตอร์ของพรรคมีปัญหา
ไม่รู้ว่าจะต้องปกปิดเป็นความลับไปทำไม ความเป็นพรรคการเมืองต้องโปร่งใส ยิ่งคนใหญ่คนโตมาสมัครเป็นสมาชิกต้องเปิดเผยให้สังคมเพื่อแสดงความโปร่งใส พอออกมาบอกหลังจากที่ตกเป็นเรื่องร้องเรียนไปแล้ว และด้วยเหตุผลที่ฟังดูเหมือนไร้น้ำหนัก พรรคอาจไม่เสียหายเต็มที่ก็แค่คนไม่เชื่อถือ แต่ไม่นึกถึงองค์กรที่จะต้องรับไม้ต่ออย่างกกต. จะมีผลต่อความเชื่อมั่นขนาดไหน หลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองนี้ก็ทำลายความศรัทธาของคนที่มีต่อองค์กรไปแทบจะหมดสิ้นแล้ว
เอาเป็นว่า รอดูกันกับเรื่องที่ศรีสุวรรณไปร้องกกต.จะชี้แจงอย่างไร สิ่งที่คนอยากเห็นแล้วคือพี่ใหญ่ยื่นใบสมัครไปเมื่อไหร่แล้วระบบข้อมูลที่บันทึกสมาชิกเสีย มีการลงเอกสารหลักฐานไว้อย่างไร แจ้งต่อกกต.แล้วหรือไม่ แค่พูดไปเท่านั้น เพราะปลายทางส่วนใหญ่ก็คาดเดากันได้แล้วว่ามันจะมีบทสรุปมาอย่างไร ที่ลุ้นกันต่อไปคือผู้นำสืบทอดอำนาจ จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเมื่อไหร่ จากที่คุณแหล่งข่าวบอกมาว่าสมัครแล้ว แต่ธรรมนัส ยืนยันยังไม่ได้ดำเนินการ
คงต้องชั่งใจกันอยู่ไม่น้อย เพราะหากเข้าไปแล้ววางแนวทางอย่างที่บอกไปวันวาน มีแกนหลักของกปปส.ผงาดมาเป็นผู้บริหารพรรคร่วมกับผู้นำเผด็จการ มันจะเป็นการสร้างความแตกแยกมากกว่าประสานรอยร้าวและสลายกลุ่มก๊วนในพรรค เก็บตกการอภิปรายของฝ่ายค้านที่น่าสนใจเป็นคำถามที่ไร้คำตอบจากท่านผู้นำ คงเป็นประเด็นวางแผนยึดอำนาจมา 3 ปี ตามที่ วันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติอภิปราย
สิ่งที่วันนอร์พูดคือการนำเหตุการณ์ยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 ที่พลเอกประยุทธ์ทุบโต๊ะ “เมื่อตกลงกันไม่ได้รัฐบาลไม่ลาออกจึงขอยึดอำนาจ แล้วยังบอกว่าอย่าคิดสู้ถึงสู้ก็สู้ไม่ได้ เพราะเตรียมการเรื่องนี้มา 3 ปีกว่าแล้ว” นี่หรือเปล่าที่แทนคำสารภาพว่า เหตุการณ์ความวิกฤติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมันคือวิกฤติแท้หรือวิกฤติเทียม และแน่นอนว่า การมอบตำแหน่งแห่งหนให้แกนนำกปปส.ในพรรคสืบทอดอำนาจและพรรคบริวารของ สุเทพ เทือกสุบรรณ นั้นสะท้อนถึงอะไร
ไม่เพียงเท่านั้น การพยายามสร้างภาพตลอดเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมาของขบวนการสืบทอดอำนาจในประเด็นที่ว่า พวกตนคือผู้สร้างประชาธิปไตยในรูปแบบไทย ๆ ย่อมหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า เมื่อคนเขียนกฎหมายมันไม่เป็นประชาธิปไตยเสียแล้ว มันจะหยิบยื่นประชาธิปไตยให้ประชาชนได้อย่างไร เหมือนสุภาษิตที่ว่า ไม่มีวันที่งาช้างจะงอกออกจากปากสุนัข
สรุปแล้ว ใครที่คาดหวังว่าการอภิปรายเที่ยวนี้น่าจะมีอะไรที่เป็นทีเด็ด คงจะพบแต่ความผิดหวัง เพราะถือเป็นการหยั่งเชิงและเคาะสนิมของพรรคฝ่ายค้านเสียมากกว่า ที่เหลือก็รอจังหวะเวลาในการจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่นับจากนี้ไปรัฐบาลถือว่าหมดช่วงฮันนีมูนแล้ว จะยึดยื้อหรืออ้างอะไรไม่ได้อีกแล้ว ทุกวินาทีที่ผ่านไปผลงานจะต้องปรากฏ ที่ประกาศกันปาว ๆ ทำทันที ทำได้หรือแค่ราคาคุย