STEC ร่วงเกือบ 5% โบรกฯแนะถือ หวั่นนโยบายขึ้นค่าแรงทำต้นทุนพุ่ง
STEC ร่วงเกือบ 5% โบรกฯแนะถือ หวั่นนโยบายขึ้นค่าแรงทำต้นทุนพุ่ง ล่าสุดอยู่ที่ 24.80 บาท ลบ 1.20 บาท หรือ 4.62% มูลค่าซื้อขาย 514.96 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC ล่าสุด 15.55 น. อยู่ที่ 24.80 บาท ลบ 1.20 บาท หรือ 4.62% สูงสุดที่ 26 บาท ต่ำสุดที่ 24.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 514.96 ล้านบาท
โดย บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ถือ” STEC ราคาเป้าหมาย 27 บาท/หุ้น คำนวณจาก EV/EBITDA ที่ 12.50 เท่า Upside เพียง 4% ทั้งนี้คาดว่านโยบายปรับขึ้นค่าแรงเป็นปัจจัยกดดันต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปัจจัยบวกใหม่ของ STEC จะต้องรอวัฎจักรลงทุนรอบใหม่จากการเข้าซื้อหมอชิต แลนด์ และงานใหญ่ที่อาจเข้ามาในอนาคต ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 9.8 หมื่นล้านบาท เพียงพอรับรู้รายได้ประมาณ 3 ปี
อย่างไรก็ตามประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 19% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน หนุนจากรายได้การก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 6% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ตามความคืบหน้างานรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย
โดยสายสีส้ม (STEC ถือ 40%) มีความคืบหน้างานที่ประมาณ 39% (เทียบกับไตรมาส 1/62 ที่ 29%) สายสีเหลืองอยู่ที่ 38% (ไตรมาส 1/62 ที่ 27%) และสายสีชมพูอยู่ที่ 30% (ไตรมาส 1/62 ที่ 24%) รวมถึงงานโรงไฟฟ้า GULF 2 โรงขนาด 5 พันเมกะวัตต์ อย่างไรก็ตามคาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงมาที่ 7.1% จาก 7.3% ในไตรมาส 1/62 จากการเร่งรัดงานก่อสร้างรัฐสภาใหม่ และมีรายได้เงินปันผลรับจาก GULF และ TSE จำนวน 58 ล้านบาทเข้ามาในไตรมาสนี้
ส่วนความคืบหน้างานประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา มูลค่า 2.7 แสนล้านบาท ปัจจุบันทางคณะกรรมการคัดเลือกอยู่ในระหว่างพิจารณาซองคุณสมบัติ (ซองที่ 2) ซึ่งมีเอกชนเข้ายื่นซองเพียง 2 ราย ได้แก่ กลุ่มกิจการร่วมค้า BBS (ประกอบด้วย BTS, BA, STEC) และกลุ่ม Grand (GRAND, Air Asia, CNT) คาดโครงการนี้จะทราบผลผู้ชนะในเดือน ส.ค. นี้ ส่วนงานอื่น ๆ เช่น งาน O&M มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี รวมมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท คาดโครงการดังกล่าวจะทราบผล พร้อมลงนามสัญญาได้ในช่วงปลายปี 2562