เคาะ 22 บจ.เด็ด Outperform ชูรับเหมา-อสังหาฯSET ปรับขึ้นรับข่าวดีกรีซ ระวังแรงขาย 1,500 จุด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดโลกรับอิทธิพลข่าวกรีซ อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่บริเวณ 1,500 จุดขึ้นไป
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.16 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.99 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขณะที่นักลงทุนขานรับข่าวกรีซและเจ้าหนี้ที่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดโลกรับอิทธิพลข่าวกรีซ อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่บริเวณ 1,500 จุดขึ้นไป
การลงทุนแนะนำกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจากการลงทุนภาครัฐ และกลุ่มอสังหาฯที่มีแนวโน้ม Outperform ตลาด หุ้นเด่นเลือก BCP-BMCL-IFEC-WHA-INTUCH-TRUEIF-AOT-CK-STEC-SEAFCO-SIRI-SPALI-QH-LPN-THCOM-BTS-ITD-UNIQ-ADVANC-TRUE-VTE และ NDR
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเปิดตลาดเช้านี้ (14 ก.ค.) จะปรับตัวขึ้น หลังอิทธิพลของกรีซยังคงมีอยู่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่บริเวณ 1,500 จุดขึ้นไป เนื่องจากตลาดยังคงต้องรอดูแนวทางปฏิบัติของกรีซเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงกับเจ้าหนี้
ประกอบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียนในไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่มแบงก์แม้ว่าตลาดจะมีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์สะท้อนปัจจัยลบมาแล้วก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่เชื่อว่าจะยังเป็นปัจจัยที่จำกัดต่อการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มแบงก์ได้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจะยังเป็นปัจจัยถ่วงตลาดเช่นกัน
พร้อมมองแนวรับวันนี้ที่บริเวณ 1,480 จุด และแนวต้านที่ 1,500 จุด
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส (14 ก.ค.) ระบุว่า ปัจจัยต่างประเทศผ่อนคลายลงตามลำดับหลังกรีซบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ แต่ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ดำเนินการ ส่วนในประเทศวันนี้มีสัญญาณบวกของการลงทุนภาครัฐ ซึ่งน่าจะสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในภาคการก่อสร้าง โดยหุ้นเด่นวันนี้เลือก CK ([email protected]) เป็น Top Pick ขณะที่หุ้นที่มีภูมิคุ้นกันอย่าง THCOM (FV@B51) และ BTS (FV@B12) น่าสะสม
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ก.ค.) คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 7 และประเมินกรอบแกว่างของ SET INDEX ระหว่าง 1,480-1,500 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า หุ้น/กลุ่มหลัก ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงจนเกิด Valuation ที่น่าสนใจ จะเกิดแรงซื้อกลับ รวมถึง การทำ Covered short หุ้นเหล่านั้นอย่างโดดเด่น ดังที่เกิดขึ้นในกลุ่มธนาคาร สัปดาห์ก่อน และวานนี้ในกลุ่มที่อยู่อาศัย ซึ่งกลุ่มที่อยู่อาศัยมีจุดที่เด่นกว่ากลุ่มธนาคาร นอกเหนือจาก valuation ที่ถูกแล้ว ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงเฉลี่ย 5% ในปีนี้ บวกกับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 จะเติบโตเด่นจากไตรมาสก่อน และ/หรือไตรมาสเดียวกันในปีก่อน
ขณะที่ประเมินว่ากลุ่มถัดไปที่จะกลับมาได้รับความสนใจคือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รัฐบาลจะเร่งการพิจารณาแผนโครงการต่างๆ ในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ เพื่อเตรียมการสำหรับการเปิดประมูลโครงการในไตรมาส 4/58 (ปีปฎิทิน) หรือไตรมาสแรกของปีงบประมาณการ 2559
ภาพดังกล่าวทำให้เกิด Sector Rotation หมุนไปอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากกลุ่มโรงกลั่น/ปิโตรเคมี วนมาที่กลุ่ม ICT เพื่อพักเงินในแง่ของเงินปันผลระหว่างกาล กลับมาสะสมกลุ่มธนาคาร และล่าสุด กลุ่มอสังหาฯ วานนี้ แต่ภาพรวมทั้งหมดสรุปได้ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 เติบโตเด่น หรือ เด่นที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลระหว่างกาล หรือ valutation ที่ต่ำจนน่าสนใจ ประเด็นเหล่านี้ เป็นจุดที่สามารถใช้เก็งกำไรต่อการลงทุนรอบสั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 จะเป็นจุดที่น่าสนใจ
ด้านทิศทางราคาน้ำมันดิบในช่วงสั้น อาจฟื้นตัวลำบาก เพราะนักลงทุน/เก็งกำไร ยังคงรอดูผลการพิจารณาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันนี้หรืออย่างช้าภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อปริมาณส่งออกน้ำมันดิบในช่วงปลายปีนี้
สำหรับ TISCO รายงานกำไร 2/58 เท่ากับ 1 พันล้านบาท ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดประเมินราว 15-20% อาจส่งผลให้กลุ่มธนาคารในวันนี้เผชิญกับแรงขายทำกำไร เพื่อปิดความเสี่ยงช่วงสั้นนี้ ทั้งนี้ เราให้น้ำหนักกับการประกาศงบการเงินของธนาคารขนาดใหญ่อย่าง KBANK/SCB เป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนที่ขายทำกำไรเล่นรอบสั้นไปแล้วในปลายสัปดาห์ก่อน หากหุ้นเป้าหมายปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย อาจเป็นจังหวะของการเข้าเก็งกำไรอีกระลอก” ทั้งนี้เน้นหุ้นที่งบไตรมาส 2/58 จะเติบโตเด่น เป็นเป้าหมายหลัก
Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA
Accumulative Buy: IFEC/SPALI
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ก.ค.) ว่า การปรับสูงขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังเจ้าหนี้ EU สรุปแผนช่วยเหลือกรีซมูลค่า EUR8.6 หมื่นล้านวานนี้ ซึ่งสภาฯกรีซจะต้องผ่านกฎหมายหลายฉบับภายใน 15 ก.ค.นี้ ไม่ว่าจะเป็น การขึ้น VAT, ลดเงินนำนาญ, การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น ซึ่งคาดว่า SET จะฟื้นตัวต่อตาม Sentiment ตลาดหุ้นโลก ด้วยเป้าหมาย 1,494 (เส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือน) และถัดไปที่ 1,514 จุด
SET ฟื้นตัวยืน 1,480 จุด เป็นสัญญาณ “กลับตัว” โดยกลยุทธ์หลักแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มท่องเที่ยว รับเหมาฯ ปันผลสูง อย่าง INTUCH, TRUEIF, AOT, CK, STEC และ SEAFCO นอกจากนี้ยังแนะนำ “เก็งกำไร” กลุ่มอสังหาฯ อย่าง SIRI, QH (ราคาต่ำ NAV) SPALI (PE 6 เท่า), LPN (กำไรโตจากไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันในปีก่อน) จาก 1) PE ต่ำ 6-8 เท่า 2) ปันผลสูงกว่า 5% ปีนี้ 3) ดอกเบี้ยต่ำ 4) ทางเทคนิคมีแนวโน้ม Outperform ตลาด
บล.แอพเพิล เวลธ์ แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ประเมิน Upside ยังค่อนข้างจำกัดอยู่ที่ระดับ 1,500-1,510 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร ITD, UNIQ ( ครม. อนุมัติงบมอเตอร์เวย์ 3 สาย ) INTUCH, ADVANC (High Yield, ประมูล 4 G) และ TRUE (โมเมนตัมบวกทางเทคนิค)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ก.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET เมื่อวันก่อนแกว่งตัวบวกแต่ค่า MACD อยู่ที่ -6.40 ใต้ signal line แสดงให้เห็นว่า ภาพตลาดอาจกลับเข้ามาอยู่ในกรอบ sideway 1,476-1,496 แต่ยังอยู่ในทิศทางแกว่งตัว(ยังผันผวน) สัญญาณขาลงยังไม่หมดและอาจเกิดขึ้นอยู่ ภาพตลาดจะยังไร้ทิศทางระยะหนึ่งเช่นเดิม
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,476-1,496
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร VTE และ NDR