น้ำมันดิบ WTI ร่วง 4.7% วิตกสต็อกน้ำมันพุ่ง หลังสงครามการค้ากระทบอุปสงค์

น้ำมันดิบ WTI ร่วง 4.7% วิตกสต็อกน้ำมันพุ่ง หลังสงครามการค้ากระทบอุปสงค์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 4.7% เมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 2.54 ดอลลาร์ หรือ 4.7% ปิดที่ 51.09 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ดิ่งลง 2.71 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 56.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ส.ค. ซึ่งสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล และเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์

ขณะเดียวกัน EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.53 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 480,000  บาร์เรล

ทั้งนี้ EIA ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของสหรัฐในปีนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 210,000 บาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 250,000 บาร์เรล/วัน พร้อมกับปรับลดตัวเลขคาดการณ์การใช้น้ำมันดิบทั่วโลกลง 0.1% สำหรับปีนี้ และปีหน้า อีกทั้งคาดการณ์ว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.28 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 12.27 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และทำให้ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกชะลอตัวลงด้วย

Back to top button