SET บ่ายแกว่งแคบ-รอปัจจัยใหม่เก็บหุ้นรับเหมา โครงการรัฐฯหนุน
SET ปิดเช้าเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในบวกและลบ หลังได้รับปัจจัยหนุนจากปัญหาหนี้ที่แนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 16-17 ก.ค.นี้ ช่วงบ่ายคาดดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดยังไร้ปัจจัยหนุนในช่วงนี้ โดยมีแนวต้าน 1,495 จุด แนวรับ 1,485
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (14 ก.ค.) เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ส่วนตลาดภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่เจ้าหนี้รับข้อเสนอของกรีซ จึงทำให้ความกดดันลดลงไปบ้าง แต่นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคต เนื่องจากต้องรอผลโหวตจากที่ประชุมรัฐสภาประเทศสมาชิกยูโรโซนที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 16-17 ก.ค. ก่อน
นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย คาดดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ อิง Downside หลังตลาดยังไร้ปัจจัยหนุนในช่วงนี้ โดยมีแนวต้าน 1,495 จุด แนวรับ 1,485 จุด ขณะที่ แนะนำซื้อ CK,STEC,SEAFCO และ “เก็งกำไร” ITD,UNIQ
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยช่วงนี้คลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ แต่ไม่สามารถขึ้นไปทดสอบระดับแนวต้านที่ 1,495 จุดได้ โดยเมื่อดัชนีเข้าใกล้ระดับแนวต้านดังกล่าวก็ได้ย่อตัวลงมา
ทั้งนี้ แม้ว่าจะะมีปัจจัยหนุนจากการที่เจ้าหนี้รับข้อเสนอของกรีซ ซึ่งทำให้ความกดดันลดลงไปบ้าง แต่นักลงทุนต่างยังมีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคต เนื่องจากต้องรอผลโหวตจากที่ประชุมรัฐสภาประเทศสมาชิกยูโรโซนที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 16-17 ก.ค. ก่อน ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก ยกเว้น ตลาดหุ้นจีน และฮ่องกง
ส่วนแนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดดัชนียังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ อิงด้านดาวน์ไซด์ หลังจากยังไม่มีปัจจัยบวกที่โดเด่นเข้ามาช่วยหนุนในช่วงนี้ และผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เริ่มทยอยออกมายังไม่น่าตื่นเต้นมากนัก พร้อมให้แนวต้าน 1,495 จุด แนวรับ 1,485 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ก.ค.) ว่า SET ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,494 จุด ไปได้ เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวสูงขึ้นวานนี้ ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะสามารถผ่านไปได้หลังความเสี่ยงตลาดหุ้นโลกจากประเด็นกรีซลดลง (รอยืนยันหลัง 15 ก.ค.) โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 1,510-1,514 จุด โดยคาดว่ากลุ่มรับเหมา (CK-STEC-SEAFCO) ท่องเที่ยว (AOT) และสื่อสาร (ADVANC-INTUCH) มีแนวโน้มสลับเป็นตัวหนุนตลาด ขณะที่กลุ่มธนาคาร (KBANK-TMB-KTB) เป็นเป้าหมายในการทำ Short-Covering
ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มรับเหมา จากคาดการณ์การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่หลังไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และ สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่าลงทุนรวมกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งรถไฟฟ้า 4 สายจะเริ่มประมูลภายในต้นปี 2559 จึงแนะนำ “ซื้อ” CK (ต้าน 28.50 และพื้นฐาน 35 บาท), STEC (ต้าน 24.50 และพื้นฐาน 29.0 บาท) และ SEAFCO (ต้าน 12.40 และพื้นฐาน 15.0 บาท) รวมถึงแนะ“เก็งกำไร” ITD (แนวต้าน 8.35/8.50), UNIQ (แนวต้าน 18.8/19.30)
บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ก.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นไทย SET ปิดบวกผันผวนฝั่งบวก เนื่องจากเป็นแรงขายเล่นรอบ โดยมีแนวรับสำคัญในวันนี้ 1,488 แนวต้าน 1,498 ขณะที่ ตลาดได้ปัจจัยบวกจากกรีซที่บรรลุข้อตกลงกับทางเจ้าหนี้ แต่ยังคงต้องระวังผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/58 ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงานที่ถูกกดดันด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจากข่าวที่อิหร่านอาจจะสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันได้ในปีนี้ และศูนย์วิจัยทองคำประเมินแนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังหลายปัจจัยเสี่ยงในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
ขณะที่ ต้องจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย รวมถึงยอดค้าปลีกประจำเดือนมิ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค.
แนวโน้มภาคบ่าย คาดว่าหลังจากที่ดัชนีหุ้นไทยสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถยืนตัวบนเส้นค่าเฉลี่ย 15 วันได้ จึงให้แนวต้านต่อไปที่ 1,505 จุด
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
ITD มูลค่าการซื้อขาย 817.97 ล้านบาท ปิดที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 637.46 ล้านบาท ปิดที่ 340.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 634.23 ล้านบาท ปิดที่ 190.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 490.28 ล้านบาท ปิดที่ 17.60 บาท ลดลง 0.30 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 466.32 ล้านบาท ปิดที่ 153.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์