ดาวโจนส์ปิดบวก 75 จุด รับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า อิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับชาติมหาอำนาจ ซึ่งจะปูทางสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงสวนทางกับการคาดการณ์


ภสำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (14 ก.ค.) ที่ 18,053.58 จุด เพิ่มขึ้น 75.90 จุด หรือ +0.42%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,104.89 จุด เพิ่มขึ้น 33.38 จุด หรือ +0.66% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,108.95 จุด เพิ่มขึ้น 9.35 จุด หรือ +0.45%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างอิหร่านและประเทศมหาอำนาจ หลังจากมีรายงานว่า อิหร่าน และ 6 ชาติมหาอำนาจของโลก ได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์แล้วเมื่อวานนี้

ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวขานรับผลสำเร็จของการเจรจาระหว่างอิหร่าน และ 6 ชาติมหาอำนาจ ซึ่งได้แก่ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐ และเยอรมนี และกล่าวว่าสหรัฐจะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพทะยานขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นแซนดิสก์ พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นเอวาโก เทคโนโลยีปรับขึ้น 1.7% ส่วนหุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 11% หลังจากมีรายงานว่าบริษัท Tsinghua Unigroup ของรัฐบาลจีน วางแผนเทคโอเวอร์กิจการ ไมครอน เทคโนโลยี มูลค่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ คาดว่า Tsinghua จะเสนอซื้อไมครอนในราคา 21 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าระดับปิดของราคาหุ้นไมครอนเมื่อวันจันทร์อยู่ประมาณ 19% และหากการเจรจาซื้อกิจการประสบความสำเร็จ จะทำให้ข้อตกลงครั้งนี้เป็นข้อตกลงเทคโอเวอร์บริษัทต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดโดยบริษัทของรัฐบาลจีน

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์ก ขานรับข่าวที่ว่าสหรัฐจะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้นกว่า 1.6% ขณะที่หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 1% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงยอดค้าปลีกร่วงลง 0.3% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 4.42 แสนล้านดอลลาร์ ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%

นักลงทุนจับตาดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในวันพุธและวันพฤหัสบดี ซึ่งตลาดทั่วโลกจะจับตาแถลงการณ์ของนางเยลเลนเพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังจากที่ได้กล่าวยืนยันแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย., ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตของสหรัฐเดือนมิ.ย. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ

Back to top button