ECF เปิดกำไร Q2 โตทะลุ 4 ลบ. มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อชูกลยุทธ์ดันมาร์จิ้น-ขยายตลาดส่งออก

ECF เปิดกำไร Q2 โตทะลุ 4 ลบ. มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อชูกลยุทธ์ดันมาร์จิ้น-ขยายตลาดส่งออก


นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2562 บริษัทมีรายได้รวม 321.26 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 319.88 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.52 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น  16.58%

ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2562 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 693.52 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 701.41 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.03%

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัท โดยเฉพาะในส่วนของกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากบริษัทมีการวางแผนบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับลดค่าใช้จ่ายสำหรับสาขาโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ และธุรกิจร้านค้าปลีกที่ไม่สามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการ ซึ่งเริ่มเห็นผลจากนโยบายการควบคุมค่าใช้จ่ายตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 1 เป็นต้นมา

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก โดยธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ครึ่งปีหลังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องและเข้าสู่ไฮซีซั่น จากการขยายตลาดในประเทศ บริษัทมุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ ผ่านร้านโมเดิร์นเทรด   ชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ ล่าสุดสามารถเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ ผ่านร้านโมเดิร์นเทรดได้เพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศ และสร้างความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้า

ด้านตลาดต่างประเทศ มีสัญญาณการเติบโตที่ดี จากกลุ่มลูกค้าหลักในญี่ปุ่นและกลุ่มลูกค้ารายใหม่ ที่บริษัทได้ขยายฐานการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปประเทศจีน ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพราะมองว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ มีกำลังซื้อ และสามารถที่จะส่งคำสั่งซื้อได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 54% และในประเทศอยู่ที่ 46%

ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทนปีนี้จะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลภาคใต้ขนาด 7.5 เมกะวัตต์  ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW มินบู ประเทศเมียนมา คาดว่าบริษัทจะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในช่วงไตรมาส 4 (สำหรับเฟสแรก 50 MW) ส่วนเฟสที่ 2 3 และ 4 จะเริ่มการก่อสร้างพร้อมกันทันทีให้แล้วเสร็จภายในสองถึงสามปีข้างหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าว บริษัทคาดว่าภายใน 1 – 2 ปีนี้ จะสามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-12% และรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในช่วง 5% – 7% และจะมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในธุรกิจต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

Back to top button