พาราสาวะถี

โบราณว่าไว้ คนดีชอบแก้ไข ทำไมปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 คนดีอย่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกาศจะขอแก้ไขด้วยตัวเองและรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว จึงปล่อยให้ยืดเยื้อ ในเมื่อก็รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่ทำไปมันเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ได้เจตนา ไม่จำเป็นต้องกลัวเสียหน้า ยิ่งถ้าอ้างว่ากลัวเสียหาย ยิ่งต้องไม่ปล่อยไว้ให้เนิ่นนานบานปลายอย่างที่เป็นอยู่ ทำเป็นเหมือนคนอะไรชอบแก้ตัว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ต่างจากนักการเมืองในอดีตที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจด่ามากว่า 5 ปี


อรชุน

โบราณว่าไว้ คนดีชอบแก้ไข ทำไมปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 คนดีอย่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกาศจะขอแก้ไขด้วยตัวเองและรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว จึงปล่อยให้ยืดเยื้อ ในเมื่อก็รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่ทำไปมันเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ได้เจตนา ไม่จำเป็นต้องกลัวเสียหน้า ยิ่งถ้าอ้างว่ากลัวเสียหาย ยิ่งต้องไม่ปล่อยไว้ให้เนิ่นนานบานปลายอย่างที่เป็นอยู่ ทำเป็นเหมือนคนอะไรชอบแก้ตัว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ต่างจากนักการเมืองในอดีตที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจด่ามากว่า 5 ปี

แต่พอเลือกที่จะเดินไปแบบนี้ อย่างหนึ่งก็ต้องยอมรับสภาพการถูกโจมตีรายวันจากฝ่ายตรงข้าม อีกด้านก็ไปลุ้นให้องค์กรที่รับเรื่องไว้พิจารณาจะดำเนินการออกมาในหน้าใด ถ้าจบในชั้นผู้ตรวจการแผ่นดินก็ต้องยอมรับกันว่าองค์กรนี้กล้าที่จะรับแรงกระแทกจากทุกฝ่าย แต่หากเลือกที่จะส่งไปให้องค์กรวินิจฉัยไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครอง นั่นหมายความว่าผู้ตรวจการดำเนินการแบบเพลย์เซฟ เพราะทั้งสององค์กรเมื่อชี้ขาดมาแล้ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะไม่อื้ออึงเท่ากับการเลือกจบในชั้นของผู้ตรวจการ

ส่วนการไปชี้แจงญัตติของฝ่ายค้าน เมื่อ วิษณุ เครืองาม ออกลูกตุกติกทำทียึกยัก โยนหินถามหลายทาง ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีคนไปตอบแทน เช่นเดียวกับ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่บอกตรง ๆ สภามีหน้าที่บรรจุวาระให้ฝ่ายค้านได้อภิปราย ส่วนใครจะมาชี้แจงเป็นเรื่องของรัฐบาล ทุกอย่างว่ากันตามกฎหมาย ถือเป็นวิสัยปกติของจอมหลักการไม่เคยเปลี่ยนแปลง ขอแค่อย่ามีอภินิหารอะไรมาจากสองกูรูกฎหมายฝ่ายรัฐบาลจนฝ่ายค้านอภิปรายไม่ได้ก็แล้วกัน

งานเข้าจนได้สองส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากุล และ ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ที่ไปต้อนรับท่านผู้นำแล้วมีการอวยกันจนเสียหายต่อภาพลักษณ์ของฝ่ายค้าน ทั้งขอให้อยู่นานถึง 8 ปี และ ยกมือให้นายกฯ ล้านเปอร์เซ็นต์ ก่อนจะด่ากราดพวกเดียวกันเองที่ไปยื่นญัตติปมถวายสัตย์ฯ ไม่รู้ที่ทำไปบ้าอะไร เรื่องนี้ร้อนถึง ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน ต้องร่อนหนังสือถึงหัวหน้าพรรคให้ดำเนินการสอบจริยธรรมและลงโทษเพื่อไม่ให้ลูกพรรคคนอื่น ๆ เอาอย่าง

ความจริงหากประเมินจากท่าทีของ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคนายใหญ่ที่เพิ่งได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ในฐานะรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคอีสานเห็นแล้วว่า สิ่งที่สองส.ส.ทำไปนั้นมันเกินเหตุ และจะส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงในพื้นที่ซึ่งเลือกพรรคเพราะไม่เอาเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไปต้อนรับไม่ว่าแต่อย่าอวยจนเสียจริต ด้วยเหตุนี้ คุณากร ปรีชาชนะชัย ส.ส.สุรินทร์ที่ไปร่วมต้อนรับด้วยจึงไม่ถูกเล่นงาน

จะว่าไปมันก็เป็นเพียงแอ๊กชั่นทางการเมืองของคนที่กำกับดูแลส.ส.ในภาคอีสานเท่านั้น หากปล่อยผ่านมันก็ยากที่จะไปตอบคำถามของประชาชนในพื้นที่ได้ เมื่อดำเนินการให้พรรคตรวจสอบและมีบทลงโทษอย่างหนึ่งอย่างใดไปแล้ว ก็ทำให้เห็นว่าพรรคไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่ส..ทั้งคู่ไปแสดงออก ส่วนสองส.ส.ดังว่าก็คงจะรู้อยู่แก่ใจ ที่ไปเพราะเจตนาดีหวังงบประมาณลงในพื้นที่ แต่บรรยากาศมันให้เลยกลอนพาไปเยินยอท่านผู้นำเสียจนเกินพอดี

นี่ก็เหมือนกันต้องรอให้ถูกด่าเสียก่อน มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ นำส.ส.ในสังกัดทั้ง 5 คนมาแถลงข่าวที่รัฐสภา เร็วกว่ากำหนดที่นัดแถลงไป 1 วัน ยืนยันไม่มีการย้ายขั้วไปอยู่ฝั่งรัฐบาลแน่นอน เหตุที่เป็นข่าวว่า 4 ส.ส.จะย้ายข้าง คงเป็นการสื่อสารไม่ตรงกัน และตีความหมายผิดของนักข่าว ก่อนจะย้ำว่า แม้จะร่วมงานกับฝ่ายค้านแต่บางเรื่องก็มีความเห็นที่ไม่ตรงกับอีก 6 พรรคอยู่เหมือนกัน

เป็นธรรมดาของพรรคการเมือง เมื่อเลือกที่จะเดินไปในแนวทางตามหลักการใหญ่ที่ตกผลึกร่วมกัน จำเป็นที่จะต้องสงวนจุดต่างเพื่อให้ทุกอย่างเดินไปได้ด้วยความราบรื่น แต่ถึงขั้นที่ว่าย้ายข้างในลักษณะเหยียบเรือสองแคมนั้น แม้รัฐธรรมนูญฉบับอภินิหารจะเปิดทางให้ทำได้ ทว่าลองไปถามประชาชนคนที่เลือกพรรคว่ารับได้กับสิ่งที่พรรคนั้นจะทำหรือไม่ เพราะไปตรวจสอบกระแสดังว่าแล้วนี่ไง จึงทำให้มิ่งขวัญต้องรีบนำพาส.ส.ของพรรคมาแถลงแสดงจุดยืนอันมั่นคง

ส่วนฝ่ายรัฐบาล ยังคงไม่ลดละความพยายามในการที่จะตามตื๊อพรรคฝ่ายค้านที่ไม่ใช่พรรคแกนหลักต่อไป ขนาดเจ้าของพรรคตัวจริงประกาศต้องมี 270 เสียงเพื่อความปลอดภัย ดังนั้น ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล อย่างที่บอกไปแล้วงูเห่าชั่วคราวคือทางแก้ที่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมจะยกมือหนุนในเรื่องสำคัญ ๆ ขอเพียงแค่พร้อมที่จะจ่ายตามที่ร้องขอมาเท่านั้น ส่วนเป็นใคร พรรคไหน เดากันได้ไม่ยาก เพราะการโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างให้เห็น จนแกนนำพรรคบางพรรคถึงกับควันออกหู

ประเด็นแจกเงินคนละพันให้ไปเที่ยวยังมีเสียงวิจารณ์ต่อเนื่อง จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ซัดเปรี้ยง สะท้อนความอับจนทางสติปัญญาของรัฐบาลนี้ได้อย่างชัดเจน ถ้ารัฐบาลคิดได้แค่นี้แบบนี้เศรษฐกิจจะยิ่งถดถอยอย่างแน่นอน  ขณะที่ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทยตั้งกระทู้ถามรัฐบาลในสภาถึงมาตรการแจกสะบัด ฝ่ายบริหารส่ง สันติ พร้อมพัฒน์ มาชี้แจง กลายเป็นเรื่องคนถามไม่ตรงคำตอบไปเสียฉิบ

ไม่ต่างกันกับการตอบกระทู้อีกเรื่องที่ถามโดย เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคอนาคตใหม่ ที่ถามเรื่องกฎกระทวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ.2560 ที่เห็นภาพชัดว่าเป็นการออกกฎกระทรวงที่สร้างอุปสรรคของการทำธุรกิจของคนตัวเล็กและยังเปิดช่องให้ข้าราชการ คอร์รัปชั่น จึงอยากถามว่า เอื้อนายทุนหรือไม่ สันติตอบคำถามแบบอ้อมแอ้มไม่เต็มปากเต็มคำ สุดท้ายจึงถูกส.ส.หน้าใหม่รายนี้ตอกหน้าหงาย คำตอบฟังไม่ขึ้น ขอให้ทำการบ้านมาใหม่ นี่ก็น่าจะพออธิบายภาพได้ว่าคนบางคนได้เก้าอี้มาด้วยเหตุใด

บอกแล้วว่า ลำพังเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวอาจไม่น่ากลัว แต่การมีพรรคน้องใหม่แต่ชื่อที่เต็มไปด้วยคนคุณภาพ มันจึงทำให้รัฐบาลสืบทอดอำนาจต้องคิดหนักในการต่อกรกับเกมในสภา มิหนำซ้ำ ยังมี “พรรคแรมโบ้” อย่างเสรีรวมไทยที่หัวหน้าพรรคอย่าง พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่พร้อมจะชนทุกรูปแบบ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนที่ประกาศไม่กลัวสภา จึงต้องหางานทำอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะได้ไม่ว่างเข้าสภา (ฮา)

Back to top button