W-Shape
*ก่อนอื่นต้องยอมรับความจริงว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในแต่ละวันไม่เป็นเหมือนกับที่คิดสักเท่าไหร่? เพราะหุ้นที่เคยทำท่าจะไปได้สวยหลายตัวออกอาการเครื่องช็อตไปดื้อ ๆ ขณะเดียวกันก็พบว่า หุ้นบางตัวที่พยายามตั้งลำขึ้นอย่างแข็งแกร่งก็หมดแรงเอาดื้อ ๆ เช่นกัน ส่งผลให้ดัชนีมีลักษณะปรับตัว “ขึ้นวัน ลงวัน” ตามปัจจัยที่เข้ามากระทบในแต่ละวันไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ก่อนอื่นต้องยอมรับความจริงว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในแต่ละวันไม่เป็นเหมือนกับที่คิดสักเท่าไหร่? เพราะหุ้นที่เคยทำท่าจะไปได้สวยหลายตัวออกอาการเครื่องช็อตไปดื้อ ๆ ขณะเดียวกันก็พบว่า หุ้นบางตัวที่พยายามตั้งลำขึ้นอย่างแข็งแกร่งก็หมดแรงเอาดื้อ ๆ เช่นกัน ส่งผลให้ดัชนีมีลักษณะปรับตัว “ขึ้นวัน ลงวัน” ตามปัจจัยที่เข้ามากระทบในแต่ละวันไงล่ะคะ
*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เชื่อเหลือเกินว่า ไม่สามารถฝากความหวังไว้ที่หุ้นเบอร์รองได้อีกต่อไป เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่สามารถโชว์ศักยภาพให้ได้เห็นเป็นบุญตาสักที จึงต้องปล่อยให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ดำเนินไปด้วยตัวของมันเอง เพราะการเคลื่อนตัวแบบ W-Shape จะปรากฏให้เห็นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เดี๊ยนถึงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรมากมายอีกต่อไปนะจะบอกให้
*วันนี้ถึงต้องถามใจนักเล่นอีกครั้งว่า เมื่อเห็นดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,633.56 จุด ลบไป 4.68 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.68 หมื่นล้านบาท มันคือโอกาสของการเล่นรอบใหม่ หรือความเสี่ยงของการลงทุนกันแน่ เพราะวันนี้มีหุ้นให้เคาะขวาเหลือเพียงไม่กี่ตัว “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นลองไล่หุ้นตัวเดิม ๆ ที่เคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ ยังมีหุ้นตัวไหนที่สามารถยืนต้านแรงเทขายได้อย่างยอดเยี่ยมบ้างล่ะจ๊ะ
*เหมือนกับในรายของ GULF เดินหน้าทำ all time high ได้อีกครั้ง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 136.50 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.09 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวบริษัท หลังเห็นบริษัทคว้างานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนหลายคนมองราคาเป้าหมายเบื้องต้นบริเวณ 150 บาท ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป จึงเรียนมาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน..อิอิอิ
*คล้ายกับกรณีของ ADVANC ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 230 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.90 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นความพยายามที่ไม่สูญเปล่า เพราะเมื่อมองดูจากแรงซื้อของนักเล่นกลุ่มสถาบันที่สลับหมุนเวียนกันเข้ามาเป็นระยะ ย่อมหมายถึงโอกาสที่หุ้นจะไปต่อได้เรื่อย ๆ เดี๊ยนถึงมองสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เป็นอะไรที่ยังตามไปดูได้เหมือนเดิมนะจ๊ะ
*ส่วนรายที่วิ่งแซงหน้าชาวบ้านชาวช่องอย่าง BTS มันเป็นเกมที่ทำให้เดี๊ยนหวาดเสียวอย่างบอกไม่ถูก เพราะเมื่อมองดูจากเหตุการณ์เก่า ๆ ก่อนหน้านี้ จะเห็นว่าขึ้นแรงทีไร..มักจอดทุกที แถมการขึ้นครั้งนี้เริ่มเข้าเขตซื้อมากเกินไปเสียด้วย “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 13.30 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.72% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.88 พันล้านบาท มันน่าหวาดเสียวเสียเหลือเกินเจ้าค่ะ
*ตรงกันข้ามกับในรายของ STPI เพราะทันทีที่ประกาศคว้างานใหม่มูลค่าสูงถึง 3,200 ล้านบาท ก็ทำเอาราคาหุ้นที่แสดงอาการแห้งเหี่ยวดีดตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.85 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 2.61% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 96 ล้านบาท อย่างรวดเร็ว แต่เนื่องด้วยผลงานในไตรมาส 2 ยังติดหล่ม “โมนิก้า” ถึงไม่กล้าแนะนำให้แฟนคลับกระโจนเข้าใส่สุดซอย เพราะอาจได้ไม่คุ้มเสียยังไงล่ะเจ้าคะ
*สำหรับรายที่ปังสุด ๆ อีกเจ้าคงมองไปที่ BGRIM หลังมีแรงซื้ออัดเข้ามาแบบเนิบ ๆ จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 37.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 794 ล้านบาท พร้อมกับทำ “ออลไทม์ไฮ” นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น ผนวกกับบรรดาเซียนหุ้นออกมาเชียร์ซื้อสุดตัว ว่ากำไรจะโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 6-7 ปี ทุกคนเลยมองเป้าแรกที่บริเวณ 39 บาท ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปนะคะ
*ส่วนที่พิลึกกึกกือสุด ๆ คงเป็นรายของ NOBLE กลับมาดี๊ด๊าแบบไม่แคร์ภาวะตลาดหุ้น ด้วยการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 23.40 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาท พร้อมกับทำ “นิวไฮ” ในรอบ 6 เดือน ทำให้ภาพแนวต้าน 24.50 บาท ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะเมื่อดูจากวิธีการเคาะขวาของคนที่เข้ามาเล่นในเที่ยวนี้ เกมหุ้นคงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้แน่ ๆ นะจ๊ะ
*ประเด็นนี้ทำให้เดี๊ยนต้องกลับมาเม้าท์ถึงหุ้นดาวเด่นอย่าง JMART อีกครั้ง เพราะเมื่อดูจากสูตรคำนวณทีละสเต็ป ต้องบอกให้ทุกคนรู้ว่ายังมีแก๊ปให้เล่นกันได้เรื่อย ๆ (หาดูจากบทวิเคราะห์กันเอง) แถมเมื่อมองดูจากการขึ้นมาปิดที่ 11.60 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 152 ล้านบาท แสดงว่ามีคนเข้ามาเก็บหุ้นใส่พอร์ตเป็นจำนวนมาก จึงเป็นหุ้นที่น่าจับตามากที่สุดตัวหนึ่งนะจ๊ะ