พาราสาวะถีอรชุน

ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้วสำหรับพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 โดยเนื้อหาที่สำคัญคือ ก่อนการชุมนุมต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ห้ามชุมนุมใกล้พระราชวัง ห้ามชุมนุมในรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล ศาล ยกเว้นจัดสถานที่ให้ ห้ามเดินขบวนยามวิกาล ห้ามปราศรัยหลังเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า


ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้วสำหรับพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 โดยเนื้อหาที่สำคัญคือ ก่อนการชุมนุมต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ห้ามชุมนุมใกล้พระราชวัง ห้ามชุมนุมในรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล ศาล ยกเว้นจัดสถานที่ให้ ห้ามเดินขบวนยามวิกาล ห้ามปราศรัยหลังเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า

โดยผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมดังกล่าวจะมีโทษจำคุก 6 เดือน หากกระทำการกีดขวางทางเข้าออก จำคุก 6 เดือน แต่ที่หนักหนาสาหัสสุดคือพวกตัดน้ำตัดไฟ ปิดระบบขนส่งสื่อสาร ผู้จัดชุมนุมจะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี โทษหนักอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครกล้าฝ่าฝืนหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังการชุมนุมที่ได้รับการยกเว้น 6 ประการ น่าจะมีช่องทางให้นักเคลื่อนไหวเลี่ยงบาลีได้

โดยการชุมนุมที่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่ การชุมนุมเนื่องในงานพระราชพิธีและงานรัฐพิธี การชุมนุมเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมตามประเพณีหรือตามวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น การชุมนุมเพื่อจัดแสดงมหรสพ กีฬา ส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ทางการค้าปกติของผู้จัดการชุมนุมนั้น การชุมนุมภายในสถานศึกษา

การชุมนุมหรือการประชุมตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือการประชุมสัมมนาทางวิชาการของสถานศึกษาหรือหน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์ทางวิชาการ สุดท้ายคือ การชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึกและการชุมนุมสาธารณะที่จัดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งในช่วงเวลาที่มีการเลือกตั้งแต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

จากนี้ไปเวทีทางวิชาการน่าจะเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เพราะถือว่าไม่เข้าข่ายถูกบังคับใช้ตามกฎหมายนี้ เพียงแต่ว่าผู้ที่จะจัดงานนั้นจะต้องวางหัวข้อในการพูดคุยเพื่อให้เป็นประโยชน์ทางวิชาการ แต่ผู้ที่ถูกเชิญไปร่วมงานอาจไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิชาการก็ได้ ใครอยู่ในเครือข่ายไหนคงได้แสดงบทบาทกันในสถานศึกษากันเต็มที่ก็คราวนี้

ข่าวคราวเรื่อง 2 พรรคการเมืองลงขันสร้างสถานการณ์รุนแรงชายแดนใต้และเตรียมโค่นล้มรัฐบาล น่าจะจบจากการให้สัมภาษณ์ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยืนยันว่าจะต้องเชื่อข้อมูลของเจ้าหน้าที่ พร้อมกับปฏิเสธที่จะพูดคุยกับเพื่อนเตรียมทหาร 12 ซึ่งเป็นคนปูดข้อมูลอย่าง พลเอกธวัชชัย สมุทรสาคร ด้วยท่วงทำนองตัดบัวไม่เหลือใย“ไม่มีการพูดคุยในฐานะเพื่อน เพราะตนไม่มีเพื่อนในเรื่องงาน”

เป็นอันว่าใครผูกเรื่องไว้ก็ต้องไปแก้ (ไข) ตัวกันเอาเอง โดยที่บิ๊กเยิ้มรีบออกอาการชิ่งทันทีหลังถูกนักข่าวถาม“ไม่ขอพูดเรื่องนี้แล้ว” ก่อนที่จะแถไปแบบข้างๆ คูๆ สองพรรคการเมืองใหญ่ทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ไม่ต้องกินปูนร้อนท้องหากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนที่อ้างว่า สิ่งที่พูดเป็นเรื่องการข่าว รู้ก่อนย่อมตัดไฟได้แต่ต้นลม ถ้าไม่เกิดก็ถือว่าโชคดีไป  ไปได้น้ำขุ่นๆ จริงๆ

ด้านบิ๊กตู่ดูเหมือนว่านาทีนี้จะใจจดใจจ่ออยู่กับปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน กับคำพูดที่บอกว่า ขออย่าเอาความขัดแย้งมาทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ก่อนที่จะฟันธงตามสไตล์คือ ไม่ได้มั่นใจว่าจะไม่มีใครมาล้มล้างรัฐบาลและไม่ได้ท้าทายใคร แต่กำลังทำหน้าที่ของตน ถ้าหากใครมาทำให้ตนทำงานไม่ได้ ประเทศเสียหายจะต้องรับผิดชอบ

สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจต้องยอมรับจริงๆ ว่า เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย เพราะภาวะบ้านเมืองของเราที่ไม่ปกติประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีปัญหา ทำให้เหมือนโดนสองเด้ง แต่ก็น่าสนใจเหตุใดกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมาร์และเวียดนามหรือกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ถึงได้โตสวนกระแสและบางเรื่องก็แซงหน้าประเทศไทยเสียโดยซ้ำ

ตามตัวเลขที่ อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยล่าสุด พบว่าผู้ส่งออกไทย สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวีในตลาดโลกมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักของไทย เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และหากเวียดนามเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกหรือทีพีพีสำเร็จ ก็จะยิ่งส่งผลให้ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในตลาดสหรัฐฯมากขึ้น

ปัจจุบันพบว่าเวียดนามมีส่วนแบ่งการส่งออกของตลาดโลกเพิ่มจาก 0.83% ในปี 2556 เป็น 0.9% ในปี 2557 ขณะที่ไทยมีสัดส่วนลดลงจาก 1.36% เหลือ 1.33% ส่วนทิศทางการส่งออกไทยช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 218,896 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการติดลบติดต่อกัน 3 ปี และหนักสุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2553 จากปัจจัยลบคือ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาประมงผิดกฎหมาย ภัยแล้งและราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับต่ำ

ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ไม่ใช่แค่เป็นภาพใหญ่ที่เป็นปัจจัยลบของประเทศ หากแต่เมื่อย่อส่วนลงไปแล้ว เอาเฉพาะแค่กรณีภัยแล้งและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำซึ่งเหมือนจะเป็นสองเรื่องที่เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ถ้ารัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนพร้อมการปฏิบัติที่เห็นผลโดยเร็ว ก็ต้องย้ำแล้วย้ำอีกว่า กลุ่มปัญหาความเดือดร้อนเหล่านี้นี่แหละที่จะเป็นหอกทิ่มแทงให้อำนาจเด็ดขาดเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว

แถลงเปิดคดีไปแล้วสำหรับกรณีถอดถอนอดีต 248 ส.ส. แน่นอนว่าฝ่ายป.ป.ช.ยังคงมี วิชา มหาคุณ เป็นคนจั่วหัวเหมือนเดิม ขณะที่ฝ่ายเพื่อไทยก็ส่งตัวแทนมาแถลงเป็นน้ำจิ้มก่อนแต่ก็ถือว่าเผ็ดร้อนอยู่ไม่น้อย ในรายของ พลเรือเอกสุรพล จันทร์แดง อดีตส.ส.ชลบุรี ที่ตั้งคำถามว่า รัฐธรรมนูญที่ถูกกล่าวหาก็ถูกยกเลิกไปแล้วรวมถึงส.ส.ชุดดังกล่าวก็ถูกยกเลิกไปแล้ว เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ พวกตนกลับต้องถูกกล่าวหาเช่นนี้ หรือป.ป.ช.ต้องการถอดถอนเพราะต้องการกระทำให้บรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ตนทำงานรับใช้แผ่นดินมาตลอดชีวิต จนได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ต่างกับป.ป.ช.บางคนไม่ได้รับโปรดเกล้าฯแล้วมารับเงินเดือนมันถูกต้องไหม ขอให้เลิกและถอนเรื่องออกไปซะ อย่าทำให้สภาแห่งนี้ต้องเปลืองเวลาโดยใช่เหตุเพราะสภาแห่งนี้ยังมีเรื่องที่ต้องทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติอีกเยอะ  พูดไปคงไร้ประโยชน์เพราะเห็นการต่ออายุให้ป.ป.ช.ที่หมดวาระทั้งหลายแล้วก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

Back to top button