SET ระทึกวันนี้ (26 ส.ค.)! “ดาวโจนส์” ทรุดหนักกว่า 600 จุดเหตุวิตก “เทรดวอร์” ปะทุรอบใหม่
SET ระทึกวันนี้ (26 ส.ค.)! “ดาวโจนส์” ทรุดหนักกว่า 600 จุดเหตุวิตก "เทรดวอร์" ปะทุรอบใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 08.51 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 623.34 จุด หรือ 2.37% แตะที่ระดับ 25,628.90 จุด ภายหลัง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 30% จาก 25% ในปัจจุบัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ ยังได้ประกาศปรับขึ้นภาษีที่ได้วางแผนไว้สำหรับสินค้าจีนวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 15% จาก 10% ด้วย โดยจะเริ่มเก็บภาษีผลิตภัณฑ์บางส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. และเลื่อนการเก็บภาษีสินค้าดังกล่าวราวครึ่งหนึ่งไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค.
ด้านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ยืนยันถึงวันบังคับใช้ภาษีนำเข้าใหม่ดังกล่าว แต่ระบุว่าจะกำหนดช่วงเวลาในการขอความเห็นสาธารณะก่อนที่จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าที่ระดับ 30% ในวันที่ 1 ต.ค.
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพื่อตอบโต้จีนที่ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษี 5-10% จากสินค้านำเข้าของสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการเก็บภาษี 2 รอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. นอกจากนี้ จีนจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯ และเก็บภาษี 5% ต่อชิ้นส่วนรถยนต์สหรัฐ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธ.ค.
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทางรัฐบาลจีนปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐมูลค่า 7.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยเน้นไปที่สินค้าจำพวกเกษตรกรรมอย่างถั่วเหลือง ซึ่งเป็นผลผลิตหลักของชาวนาในสหรัฐ นอกจากนี้ยังปรับขึ้นภาษีน้ำมันดิบและเครื่องบินขนาดเล็กด้วยเช่นกัน
โดยการตอบโต้ครั้งนี้ของทางรัฐบาลจีนเกิดขึ้นหลังจากที่ทางสหรัฐเตรียมขึ้นภาษีสินค้ามูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 1 ก.ย.62 โดยในบางรายการสินค้ามีการปรับเลื่อนวันที่ขึ้นภาษีไปเป็น 15 ธ.ค.62 แทน
นอกจากนี้ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้มีการผลักดันให้บริษัทในอเมริกาทำธุรกิจร่วมกับจีน
ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะกระโดดลง ตามตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็ปรับตัวลงกันทั่วหน้า ตามดาวโจนส์ รับผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น มีการใช้มาตรการภาษีตอบโต้กันไปมา ทำให้ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้น
อนึ่ง สภาแห่งรัฐของจีน ซึ่งเป็นคณะรัฐมนตรีจีน แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษี 5-10% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการเก็บภาษี 2 รอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. โดยสินค้าดังกล่าวรวมถึงถั่วเหลือง อาหารทะเล ผักผลไม้ และน้ำมันดิบ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ก็ประกาศว่า สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 30% จาก 25% ในปัจจุบัน
โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ นอกจากนี้ ยังได้ประกาศปรับขึ้นภาษีที่ได้วางแผนไว้สำหรับสินค้าจีนวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 15% จาก 10% ด้วย โดยจะเริ่มเก็บภาษีผลิตภัณฑ์บางส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. และเลื่อนการเก็บภาษีสินค้าดังกล่าวราวครึ่งหนึ่งไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค.
อย่างไรก็ดีนายอภิชติ มองว่าตลาดบ้านเราน่าจะปรับตัวลงไม่แรงมาก เนื่องจากมีปัจจัยในประเทศอย่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคอยช่วยหนุนอยู่ และตลาดหุ้นไทยก็ยังจัดเป็นตลาด Defensive ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,625 ถัดไป 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,635-1,640 จุด