MK โชว์ “Bangkok Free Trade Zone” โกยรายได้ 340 ลบ.มั่นใจปี 64 โตกระฉูด 70% แตะ 580 ลบ.
MK โชว์ “Bangkok Free Trade Zone” โกยรายได้ 340 ลบ. มั่นใจปี 64 โตกระฉูด 70% แตะ 580 ลบ.
นางสาวรัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เผยว่า ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า โครงการ Bangkok Free Trade Zone นับได้ว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ได้เป็นอย่างดีและต่อเนื่อง โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ได้มากถึง 730 ล้านบาท
โดยในปี 62 นี้ มีแผนพัฒนาเพิ่มเป็น 200,000 ตารางเมตร และมีแผนพัฒนาให้มีพื้นที่เช่าเต็ม 285,000 ตารางเมตร ในปี 64 คาดการณ์รายได้จะเติบโตขึ้นอีก 70% หรือ คิดเป็น 580 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้เช่าหลักจะเป็นชาวต่างชาติ ได้แก่ ญี่ปุ่น 27%, อันดับ 2 ยุโรป 24%, อันดับ 3 ไทย 21% รองลงมา คือ ลูกค้าเอเชีย (ไม่รวมไทยและญี่ปุ่น) 19% และสุดท้าย คือ โอเชียเนีย-อเมริกา อีก 9%
“การดำเนินงานของเราในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงทำการตลาด ซึ่งทั้งหมดทยอยเห็นผลในปีนี้ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เข้ามาจากทางเวปไซต์, Agent และเป็นลูกค้าที่เราได้พบระหว่างที่ไปออกบูธ ทำให้โครงการของเราเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี จากประมาณการด้านการดำเนินงานที่ผ่านมาของทางบริษัทฯพบว่าที่นี้มี Occupancy Rate อยู่ไม่ต่ำกว่า 90% ทำให้เรามั่นใจว่าโครงการจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติอย่างแน่นอน” นางสาวรัชนี กล่าว
สำหรับโครงการ Bangkok Free Trade Zone ตั้งอยู่ที่ บางนาตราด กม.23 เป็นพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าที่มีการขออนุญาตให้เป็น Free Zone สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาเช่าพื้นที่ โดยสามารถเลือกได้ทั้งส่วนที่เป็น Free Zone หรือ ส่วนที่เป็น General Zone ซึ่งภายใน Bangkok Free Trade Zone นี้
โดยมีอาคารให้เช่าแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1) อาคารคลังสินค้า และ 2) อาคารโรงงาน เนื่องจากบริเวณที่ตั้งโครงการเป็นพื้นที่สีม่วง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างโรงงานในพื้นที่นี้ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขออนุญาต สำหรับ Bangkok Free Trade Zone พื้นที่ทั้งหมดในโครงการมีทั้งสิ้น 1,000 ไร่ ซึ่ง 700 ไร่ เป็นพื้นที่เพื่อการเช่า หรือ Leasable Area โดยอีก 300 ไร่ คือ พื้นที่เพื่อการสาธารณูปโภค อาทิ ถนนสาธารณะ โรงบำบัดน้ำเสีย และส่วนการรักษาความปลอดภัยภายในโครงการ เป็นต้น
ขณะที่จุดเด่นของโครงการ Bangkok Free Trade Zone คือ เป็นโครงการที่มีทั้งส่วนที่เป็น Free Zone และ General Zone มีพื้นที่ในการบริการทั้งในส่วนที่เป็นคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า มีระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 1,000 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สีม่วงที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ สามารถเดินทางเข้าออกได้ 2 เส้นทาง คือ ถนนบางนา-ตราด กม.23 และ ถนนบางนา-ตราด กม.19 และมีการคมนาคมที่สะดวก
โดยห่างจากท่าเรือคลองเตยเพียง 23 กิโลเมตร ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 17 กิโลเมตร และห่างจากท่าเรือแหลมฉบังเพียง 90 กิโลเมตร ทั้งนี้เมื่อเดินทางไปยังเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพียง 50 กิโลเมตร มีบริการเสริมอำนวยความสะดวกที่เตรียมไว้สำหรับผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ
อาทิ Consulting Service ที่บริการให้คำปรึกษาเรื่องการขออนุญาตประกอบธุรกิจในประเทศไทย ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมในการทำธุรกิจ เอกสารประกอบ และให้คำปรึกษาด้านการขอใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบกิจการในเขตปลอกอากร (กศก. 185) เป็นต้น นอกจากนี้ทางโครงการยังมีระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบการบำบัดน้ำเสีย ระบบป้องกันน้ำท่วม ระบบรักษาความปลอดภัยและดูแลความสะอาดภายในโครงการ และ ยังมีโซนร้านค้า ร้านอาหาร และบริการด้านศุลกากรสำหรับการบริการผู้เช่าอีกด้วย
“ถ้ามองในด้านความเสี่ยงและการแข่งขัน เรามองว่า Bangkok Free Trade Zone เป็นโครงการที่ยังมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีจุดเด่นครบ มีโลโคชั่นที่ดี ทำให้เราไม่ได้กังวลเรื่องลูกค้าที่เข้ามาเช่านัก แต่หากมองในด้านการเติบโตของธุรกิจนี้ เรายังคงต้องหาที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นโครงการประเภทคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายการเติบโตของธุรกิจและการเติบโตของเราได้ในแง่ของการสร้าง Recurring Income ให้กับบริษัทแม่ ดังนั้น เรายังคงมองหาโอกาส มองหาที่ดินที่เหมาะสมเพื่อขยายธุรกิจนี้ต่อไป” นางสาวรัชนี กล่าว
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ทำรายได้ 2,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 323 ล้านบาท กำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 258.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรเพิ่ม 51.5% โดยพบว่าธุรกิจให้เช่าและบริการเติบโตร้อนแรงและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจให้เช่าและธุรกิจบริการในไตรมาส 2 ปรับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 30.3% โดยคาดว่าสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจฝั่งเพื่อขายกับฝั่งเพื่อเช่าและการบริการ จะมีสัดส่วนเป็น 50:50 ตามแผนธุรกิจ 5 ปี