โรงกลั่นดันตลาด
*วานนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า สายตาทุกคู่จับจ้องมองไปที่หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่น เพราะเป็นกลุ่มหลักที่ทำให้ดัชนีเมื่อวานนี้ซาบซ่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ซึมกะทือมาพักใหญ่ ปัจจัยที่หนุนเป็นค่าการกลั่นที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาทำให้หุ้นกลุ่มนี้มีสีสันขึ้นมาอีกครั้ง แถมนักเล่นกลุ่มสถาบันชื่นชอบหุ้นกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ ถึงทุ่มทุนไล่กว้านซื้อหุ้นแบบสุดซอยไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วานนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า สายตาทุกคู่จับจ้องมองไปที่หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่น เพราะเป็นกลุ่มหลักที่ทำให้ดัชนีเมื่อวานนี้ซาบซ่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ซึมกะทือมาพักใหญ่ ปัจจัยที่หนุนเป็นค่าการกลั่นที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาทำให้หุ้นกลุ่มนี้มีสีสันขึ้นมาอีกครั้ง แถมนักเล่นกลุ่มสถาบันชื่นชอบหุ้นกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ ถึงทุ่มทุนไล่กว้านซื้อหุ้นแบบสุดซอยไงล่ะคะ
*ผลดังกล่าวทำให้ดัชนีกระชากขึ้นพรวดเดียวทะลุแนวต้าน 1,630 จุดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,639.14 จุด บวกไป 22.21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 5.96 หมื่นล้านบาท โดยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,639.17 จุด “โมนิก้า” ถือว่าเป็นช็อตที่ทำให้อารมณ์ของนักเล่นครึกครื้น จึงรีบกระโจนเข้าใส่หุ้นเต็มที่ เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายของหุ้นแต่ละตัวที่วิ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
*แต่ก่อนที่มิตรรักแฟนเพลงจะกระโดดโลดเต้นเป็นปลากระดี่ได้น้ำ “โมนิก้า” ขอสาธยายรูปแบบของดัชนีรอบนี้ให้ฟังกันสักนิด ในเมื่อตลาดหุ้นยังมีปัจจัยกดดันรอบนอกครอบงำอยู่ หนำซ้ำการวิ่งขึ้นมารอบนี้มาจากแรงซื้อของ “กองทุนตัวแสบ” ล้วน ๆ ด้านฝรั่งตาน้ำข้าวยังสาดหุ้นออกมาไม่เลิก ภาพการลงทุนถึงยังไม่ดีแบบสุดกู่ เพราะเหตุนี้การจะวิ่งเข้าใส่แบบหน้าตั้งตอนนี้อาจจะไม่ใช่จังหวะที่ดีเท่าไหร่เจ้าค่ะ
*เปิดหัวกันด้วยหุ้น ESSO ขึ้นมาปิดที่ระดับ 8.75 บาท บวกไป 0.95 บาท หรือขึ้นไป 12.18% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 460.32 ล้านบาท อัดแน่นด้วยแรงซื้อเข้ามาทะลักทะลวง การเคลื่อนไหวรอบนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ แต่ยังไม่ใช่จุดที่จะเข้าลุยแบบสุดตัว เพราะหุ้นยังไม่สามารถทะลุเส้นเฉลี่ย 25 วันได้ แถมเท่าที่ “โมนิก้า” รู้มา ช่วงไตรมาส 3-4 ยังมีปัจจัยกดดันเรื่องปิดโรงกลั่น มันใช่จุดที่น่าลงทุนหรือเปล่าเจ้าคะ?
*ส่วนหุ้น TOP กระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 68 บาท บวกไป 5.75 บาท หรือขึ้นไป 9.24% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.68 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยบวก 2 เด้ง ทั้งค่าการกลั่นที่จะเป็นตัวกระตุ้นผลงานช่วงไตรมาส 3 ได้อย่างดี แถมด้วยได้อานิสงส์มาตรการ IMO 2020 ที่จะเริ่มใช้ต้นปีหน้า มองด้านพื้นฐานแล้วต้องบอกว่ามีเสน่ห์ การจะไต่เต้าขึ้นไปแตะเป้าหมาย 77 บาทได้ไม่ยากพะยะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ SPRC ขึ้นมาปิดที่ระดับ 8.80 บาท บวกไป 0.95 บาท หรือขึ้นไป 12.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 720.25 ล้านบาท จังหวะนี้ “โมนิก้า” มองเป็นการฟื้นตัวระยะสั้นทั้งในเรื่องของราคาหุ้นและผลการดำเนินงาน เนื่องด้วยในไตรมาส 4/62 ยังต้องเจอแรงกดดันจากแผนปิดซ่อมบำรุงเป็นตัวถ่วง ทำให้กำไรยังหดตัว หลังจากครึ่งปีแรกที่ทำไว้ได้น้อยอยู่แล้วจะยิ่งน้อยลงไปอีกยังไงล่ะจ๊ะ
*ในรายของ ICHI ราคากระชากขึ้นมาถึง 7.85 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78.52 ล้านบาท ถือว่าเป็นจุดที่ทำให้หุ้นกลับมามีสีสัน เพราะการยืนเหนือระดับ 7.60 บนเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน มันยังไม่ใช่จุดจบของการขึ้นรอบนี้ เมื่อสัญญาณเทคนิคเป็นทิศทางขาขึ้นแถมสัญญาณตัวเลขกำไรในอนาคตมีแววว่าจะเด็ดสะระตี่ มันทำให้หุ้นตัวนี้น่าตามต่อจริง ๆ เจ้าค่ะ
*มาที่ PTTGC วานนี้ปิดที่ระดับ 53.25 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 3.90% พร้อมด้วยวอลุ่มหนาแน่น 1.63 พันล้านบาท หลังเป็นขาลงมานาน ปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงล้วนมาจากพื้นฐานที่น่าสนใจ เก็บหุ้นวานนี้จะได้ปันผลหุ้นละ 1 บาท ใครที่ชอบลงทุนยาวงานนี้ไม่ผิดหวังเพราะเซียนหุ้นฟันธงว่าราคาหุ้นรอบนี้ก็ยังไปต่อมีลุ้นวิ่งไปถึงราคาเป้าหมาย 58 บาท เจ้าค่ะ
*ด้านหุ้น JMART แรงดีไม่มีตก โดยวานนี้ปิดที่ระดับ 11.90 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 7.21% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 168.53 ล้านบาท สะท้อนขาขึ้นรอบใหม่ต่อเนื่อง ปัจจัยหนุนการเคลื่อนตัวรอบนี้มาจากดอกเบี้ยขาลง บวกกับแรงหนุนหลักจากบริษัทลูกยอดกตัญญู JMT และ SINGER ทำผลงานได้สุดสวิงริงโก้ หนุนกำไรบริษัทแม่ปีนี้ทำนิวไฮ แถมเป้าหมายทะยานรอบนี้เห็นว่าอยู่แถว ๆ 15.30 บาท โน่นเจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของ 7UP วิ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง “โมนิก้า” มองว่าการขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.66 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 6.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97.84 ล้านบาท เป็นระดับที่ไม่เมกเซนส์สักเท่าไหร่ เพราะราคาเหมือนจะวิ่งเกินแวลู แถมด้านเทคนิคเข้าเขตซื้อมากเกินไป หากหมดเจ้ามือลากหุ้นเมื่อไหร่ จะเล่นเอาแมงเม่าปวดหัวกันเป็นแถว ก่อนจะเข้าไปคลุกฝุ่นระวังตัวหน่อยก็ดีนะตัวเอง
*ปิดท้ายที่หุ้น GULF ราคาล่าสุดมาปิดที่ระดับ 141.50 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.89 พันล้านบาท การย่อตัวสวนภาวะตลาดลงมาครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้มุมมองของ “โมนิก้า” เปลี่ยนไป เพราะด้านพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลง แถมสัญญาณเทคนิคยังไม่หลุด 140 บาท ไปง่าย ๆ เห็นการย่อตัวลงมาครั้งนี้เลยเป็นเพียงแค่การขายทำกำไรหลังหุ้นวิ่งแรลลี่ยาวเท่านั้นเจ้าค่ะ…อิอิ