TPCH วิ่งฉิว5% นิวไฮรอบเกือบ 2 ปี โบรกฯคาดผลงานปี 63 โตเด่น หลังจ่อ COD รฟฟ.เพิ่ม 45.7MW
TPCH วิ่งฉิว5% นิวไฮรอบเกือบ 2 ปี โบรกฯคาดผลงานปี 63 โตเด่น หลังจ่อ COD รฟฟ.เพิ่ม 45.7MW โดย ณ เวลา 15.27 น. อยู่ที่ระดับ 13.20 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 5.60% สูงสุดที่ระดับ 13.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103.79 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ณ เวลา 15.27 น. อยู่ที่ระดับ 13.20 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 5.60% สูงสุดที่ระดับ 13.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103.79 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 13.30 บาท เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2561
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” TPCH ราคาเป้าหมาย 16.60 บาท/หุ้น โดยทิศทางการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2563 ยังคงเป็นไปตามนั้น โดยแผนการ COD จะเริ่มเกิดขึ้นในไตรมาส 4/62 – 1/63 ทำให้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 89% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ขณะที่ภาพระยะสั้นครึ่งปีหลัง 2562 ไม่น่ากังวล เนื่องจากจะมีเพียงโรงไฟฟ้าช้างแรกที่จะมีหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 4/62 เท่านั้น เทียบกับ 3 โรงในครึ่งปีแรก 2562
ส่วนแผนพัฒนาพลังงานทางเลือก AEDP2018 ฉบับใหม่ที่จะออกราวเดือน ก.ย. นั้น ยังคงสนับสนุนโอกาสของ TPCH ที่โรงไฟฟ้าชีวมวล, ขยะ และ ชีวภาพ อีกด้วย แนะทยอยสะสม ซื้อ 16.60 บาท/ หุ้น อิง SOTP ก่อนที่ในปี 2563 ค่า P/E20F จะลดลงอย่างรวดเร็วสู่เพียง 5.4 เท่า
โดยแนวโน้มการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2562 จะขยายตัวเล็กน้อย แต่จะเด่นมากในปี 2563 ผบห.เผยว่า แผนการ COD โรงไฟฟ้ายังเป็นไปตามเดิม คือ 2 โรงรวม 18.4MW (TPCH1 และ TPCH 2) ในช่วงปลายไตรมาส 4/62 และ อีก 2 โรงรวม 27.3MW ในช่วงไตรมาส 1/63 (ปัตตานี และ TPCH5) ดังนั้น กำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปลายไตรมาส 4/62 เป็นต้นไป จาก 52.8MW ปัจจุบัน เป็น 98.5MW ในปลายไตรมาส 1/63 หรือเพิ่มขึ้น 89% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
ขณะเดียวกัน ภาระดอกเบี้ยจ่ายของโครงการปัจจุบัน ก็จะลดลงด้วยเนื่องจากโรงไฟฟ้าช้างแรก 9.2MW จะปลดภาระหนี้ในครึ่งปีแรก 2563 ส่วนต้นทุนวัตถุดิบยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยบริษัทคาดปริมาณผลผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 68% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เป็น 722 ล้านหน่วย
ดังนั้นเมื่อผนวกกับการประหยัดโดยขนาด, ราคาขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นจากการที่โรงไฟฟ้า PTG 21MW อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ได้ Adder พิเศษ 1.30 บาท/หน่วย) และต้นทุนรวมที่ลดลง คาดในปี 2563 ผลกำไรทั้งปีคาดจะทยานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนระยะสั้น ผลกำไรครึ่งปีหลัง 2562 มองว่าจะขยายตัวเล็กน้อย เนื่องจากในช่วงที่เหลือของปีจะมีเพียงโรงไฟฟ้าช้างแรกที่จะมีการหยุดซ่อมบำรุงรักษาประจำปี ขณะที่ในครึ่งปีแรก 2562 มีโรงไฟฟ้าหยุดซ่อมบำรุงกว่า 3 แห่ง
อย่างไรก็ดี TPCH ยังคงได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาพลังงานฉบับใหม่ ในร่างแผน AEDP2018 ซึ่งจะมีการประกาศใช้ในราวเดือน ก.ย. 2562 พบว่า โรงไฟฟ้าชีวมวล จะมีการจัดสรรใหม่ออกมาราว 216MW และ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400MW โดย บริษัทมีประสบการณ์จากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 ชนิด โดยบริษัทเป้าได้รับการจัดสรรรายการละ 40MW นอกจากนี้บริษัทได้มีการศึกษากลุ่มโรงไฟฟ้าชีวภาพไว้แล้วอีกด้วย