ทรงสวย

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วันนี้ “โมนิก้า” ยังขอยืนยันคำเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ ว่าการฟื้นตัวของดัชนีต้องขึ้นอยู่กับผลงานของหุ้นแต่ละตัวเป็นหลัก เพราะเป็นตัวแปรเดียวที่ส่งผลโดยตรงกับราคาหุ้นในกระดาน และเมื่อประเมินจากผลงานโดยรวมในไตรมาส 3 ซึ่งทุกคนมองไปในทางเดียวกันว่า เริ่มดีขึ้นอย่างช้า ๆ เดี๊ยนถึงไม่วอร์รี่กับการอ่อนตัวของตลาดหุ้นไทยสักเท่าไหร่ เพราะตัวเลขรวม ๆ ทั้งหมดชี้ไปว่า 1,700 จุดควรเป็นบริเวณสร้างฐานที่มั่นสำคัญของปี 2562 นะจะบอกให้

*ข้อมูลดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมาย เพราะแรงซื้อกับแรงขายที่สลับกันเข้ามาตลอดทั้งวัน จนดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,670.06 จุด บวกไป 0.27 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 4.66 หมื่นล้านบาท คือเครื่องหมายการันตีความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่ เพียงแต่จังหวะนี้ต้องให้รัฐบาล “บิ๊กตู่” เร่งเบิกจ่ายงบประมาณต่าง ๆ ลงไปสู่ระดับล่างให้เร็วที่สุด เมื่อนั้นจะเห็นเงินสะพัดอีกรอบพะยะค่ะ

*หากเรื่องทั้งหมดเป็นไปตามที่เม้าท์มอยไว้ในข้างต้น “โมนิก้า” ย่อมมีความมั่นใจเป็นร้อยเท่า ว่ารูปทรงองค์เอวของตลาดหุ้นไทยยังสวยปิ๊ง แถมจังหวะนี้เริ่มฟอร์มตัวเป็น W-Shape และมีความพร้อมที่จะทำ Double Top ให้เห็นอีกครั้งแบบนี้ มันไม่มีอะไรต้องซีเรียสแม้แต่นิดเดียว เพราะไซเคิลของตลาดหุ้นไทยเอื้อต่อการเล่นตามน้ำจริง ๆ..ไม่เชื่อลองถามผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ “ภากร” ได้นะคะ

*ก่อนจะเข้าสู่ประเด็นของหุ้นแต่ละตัว “โมนิก้า” ขอเม้าท์มอยถึงเรื่องการเมืองที่มีการจับโยงไปยังหุ้น BEM สักเล็กน้อย เพราะควันหลงจากรายงานของกรรมาธิการทางด่วนฯ ส่วนใหญ่เห็นชอบให้ต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้ากรุงเทพอย่างท่วมท้นนั้น ดันเกิดเกาเหลาชามโตระหว่างคนกันเองในพรรคเพื่อไทยโซนอีสาน พร้อมกับมีการกล่าวอ้างคำพูดลอย ๆ ว่ามีคนได้ผลประโยชน์มหาศาลจากเรื่องนี้เจ้าค่ะ

*ประเด็นนี้แหละทำให้คนในพรรคเพื่อไทยออกมาโต้กันเองอย่างเมามันผ่านสื่อ จนทำให้พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย นั่งหัวเราะร่วนจนท้องแข็ง เพราะการอนุมัติ “ต่ออายุ” หรือ “ไม่ต่ออายุ” สัญญาสัมปทาน ขึ้นอยู่กับรมว.คมนาคม ซึ่งเป็นคนของ “เสี่ยหนู” อยู่ดี! พร้อมกับมีการตั้งคำถามขึ้นมาในทันทีว่า พรรคของพี่ษิณวงแตกแล้วเหรอ? เพราะก่อนหน้านี้คนในพรรคก็เพิ่งไปเลียท็อปบู๊ท..แผลบ..แผลบ..อิอิอิ

*ในขณะเดียวกันหากมองอีกหนึ่งหุ้นที่กำลังรอลุ้นต่อสัญญาสัมปทานใหม่อย่าง BTS กลับไม่มีใครยอมยกมือให้ผ่านแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่าคิดเล่น ๆ เหมือนกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่! หรือว่ากำลังภายในของเจ้าสัว “คีรี” ไม่แข็งแกร่งมากพอ (หมดสมรรถภาพ) เลยไม่มีใครเห็นหัวในชั้นนี้หรือเปล่า? และเผอิญเดี๊ยนไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการเมือง จึงขอรบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะเรื่องนี้ด้วยนะนายจ๋า! (เดี๊ยนกำลังรวบรวมข้อมูลเด็ดที่จะแฉบีทีเอสอยู่)

*เม้าท์ถึงเรื่องเจ้าสัวขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดูหุ้นขายไก่ขายหมู CPF ภายใต้การกุมบังเหียนของเจ้าสัว “ธนินท์” สักหน่อยดีกว่า! เพราะราคาหมูที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผลกับตัวเลขกำไรปี 2562-2563 อย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 29.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 435 ล้านบาท ยังเป็นจุดที่นักเล่นกระโจนใส่ได้สบายบื๋อสะดือโบ๋ หลังหุ้นเทรดบนค่า P/E 16 เท่าเองนะ

*ส่วนรายที่เชื่อกันว่า น่าจะไปได้ดีอย่าง OSP พยายามเดินหน้าขึ้นไปทำ all time high ท่ามกลางค่า P/E 36 เท่า “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องวัดใจนักเล่นมากกว่าพื้นฐาน เพราะเมื่อดูตามหน้าเสื่องบครึ่งแรกของปี 2562 มีกำไรต่อหุ้นแค่ 0.53 บาท เทียบกับเมื่อปี 2561 มีกำไรต่อหุ้น 1.48 บาท มันหมายความว่า การยืนปิดที่ระดับ 38.25 บาท ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 237 ล้านบาท ยังเป็นการซื้ออนาคตล้วน ๆ นะจะบอกให้

*ไหน ๆ ต้องการวัดดวงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับหันไปมองหุ้นการเมือง STEC ให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยดีกว่า เพราะหุ้นลงหนักอย่างไม่น่าเชื่อ แถมเป็นการลงมายืนแถวจุดเด้งกลับบริเวณ 18 บาทแบบนี้ เดี๊ยนย่อมเชียร์ให้พวกชอบเสียวกระโจนใส่มากกว่าถอยฉาก หลังเห็นราคาหุ้นเมื่อวันศุกร์ยืนปิดที่ระดับ 18.60 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 588 ล้านบาท ไม่สูงเกินไปน่ะซี

*เม้าท์ถึงประเด็นหุ้นที่น่ารักน่าลุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ย่อมหันมามองหุ้น JMART ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์เทิร์นอะราวด์ แถมพิสูจน์ให้เห็นมาแล้วว่า กำไรมาตามนัดทั้ง 2 ไตรมาส ขณะที่พรายกระซิบยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคาหุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 11.20 บาท ยังเป็นระดับที่เล่นได้ “ทั้งสั้น ทั้งยาว” ก่อนจะถึงวันปันผลเป็นหุ้นแบบนี้..มันช่างเหมาะสำหรับแมงเม่าอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ดีแท้นะจ๊ะ