คลอดโผ 7 หุ้นสุดแสนล้ำค่าปันผลงาม-พื้นฐานแน่นเปรี๊ยะ
จัดทีม “7 สุดยอดหุ้นปันผลงาม พื้นฐานแน่นปึ้ก” ประจำปี 58 THANI-TVO-CSL-QH-ASK-INTUCH-BTS-ADVANC โชว์ป๋า! เตรียมควักกระเป๋าจ่ายผู้ถือหุ้นแบบจัดหนักจัดเต็มไม่ต้องยั้งมือ ฟากโบรกฯการันตี ล้วนเป็นหุ้นสุดแกร่งทุกตัว พร้อมชูราคาเป้าหมายมีอัพไซด์เพียบ
จัดทีม “7 สุดยอดหุ้นปันผลงาม พื้นฐานแน่นปึ้ก” ประจำปี 58 THANI-TVO-CSL-QH-ASK-INTUCH-BTS-ADVANC โชว์ป๋า! เตรียมควักกระเป๋าจ่ายผู้ถือหุ้นแบบจัดหนักจัดเต็มไม่ต้องยั้งมือ ฟากโบรกฯการันตี ล้วนเป็นหุ้นสุดแกร่งทุกตัว พร้อมชูราคาเป้าหมายมีอัพไซด์เพียบ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจหาหุ้นที่มี อัตราเงินปันผลตอบแทน หรือ Dividend Yield ที่โดดเด่น พร้อมกับมีข้อมูลทางสถิติที่สามารถบ่งชี้ถึงศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยที่ผลของการสำรวจและคัดกรอง จากงานวิจัยของ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) พบว่า มี 7 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่เข้าข่ายว่าอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทดังต่อไปนี้
หุ้นตัวแรกคือ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI โดยมีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินปันผลตอบแทน สำหรับปีนี้ (2558) จะอยู่ที่ระดับประมาณ 8.20% และจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 9.20% ในปีหน้า (2559) ส่วน อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 2.90% และจะปรับตัวขึ้นสูงถึง 27.80% ในปีหน้า ขณะที่ปีนี้ อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น จะอยู่ที่ราว 7.80 เท่า แต่จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 6.10 เท่า ได้ในปีหน้า
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดราคาเป้าหมายหุ้น THANI สำหรับปีนี้ ที่ระดับ 3.90 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น THANI วานนี้ (17 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 3.02 บาท ปรับตัวขึ้น 0.16 บาท หรือ 5.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย ล้าน119.31 บาท
หุ้นตัวที่สองคือ บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO โดยมีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินปันผลตอบแทน สำหรับปีนี้ จะอยู่ที่ระดับประมาณ 7.70% และจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 8.50% ในปีหน้า ส่วน อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 7.70% และจะสามารถปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 11.20% ได้ในปีหน้า ขณะที่ปีนี้ อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น จะอยู่ที่ราว 10.40 เท่า แต่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงสู่ระดับ 9.40 เท่า ช่วงปีหน้า
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดราคาเป้าหมายหุ้น TVO สำหรับปีนี้ ที่ระดับ 26.00 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น TVO วานนี้ (17 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 24.60 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 2.93% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 161.34 ล้านบาท
หุ้นตัวที่สามคือ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL โดยมีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินปันผลตอบแทน สำหรับปีนี้ จะอยู่ที่ระดับประมาณ 7.20% และจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 7.60% ในปีหน้า ส่วน อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ของปีหน้า จะอยู่ที่ราว 5.1% เมื่อเทียบกับปีนี้ (มีผลประกอบการขาดทุนในปี 2557) ขณะที่ปีนี้ อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น จะอยู่ที่ราว 11.10 เท่า แต่จะปรับตัวลดลงเหลือ 10.60 เท่า ในปีหน้า
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดราคาเป้าหมายหุ้น CSL สำหรับปีนี้ ที่ระดับ 7.80 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น CSL วานนี้ (17 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 6.80 บาท ปรับตัวขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.49% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 ล้านบาท
หุ้นตัวที่สี่คือ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QHโดยมีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินปันผลตอบแทน สำหรับปีนี้ จะอยู่ที่ระดับประมาณ 6.80% และจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 7.60% ในปีหน้า ส่วน อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ปีนี้คาดว่า จะติดลบราว 3.50% แต่คาดว่า จะสามารถพลิกกลับมาที่ระดับ 14.30% ได้ในปีหน้า ขณะที่ปีนี้ อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น จะอยู่ที่ราว 7.80 เท่า โดยจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 6.10 เท่า ช่วงปีหน้า
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดราคาเป้าหมายหุ้น QH สำหรับปีนี้ ที่ระดับ 4.10 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น QH วานนี้ (17 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 2.32 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 106.68 ล้านบาท
หุ้นตัวที่ห้าคือ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK โดยมีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินปันผลตอบแทน สำหรับปีนี้ จะอยู่ที่ระดับประมาณ 6.70% และจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 7.10% ในปีหน้า ส่วน อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 3.70% และจะสามารถปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 7.10% ได้ในปีหน้า ขณะที่ปีนี้ อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น จะอยู่ที่ราว 9.80 เท่า แต่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงสู่ระดับ 9.20 เท่า ช่วงปีหน้า
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดราคาเป้าหมายหุ้น ASK สำหรับปีนี้ ที่ระดับ 24.00 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น ASK วานนี้ (17 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 19.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.21 ล้านบาท
หุ้นตัวที่หกคือ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH โดยมีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินปันผลตอบแทน สำหรับปีนี้ จะอยู่ที่ระดับประมาณ 6.50% และจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 8.00% ในปีหน้า ส่วน อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 17.80% และจะสามารถปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 24.40% ได้ในปีหน้า ขณะที่ปีนี้ อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น จะอยู่ที่ราว 14.80 เท่า แต่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงสู่ระดับ 11.90 เท่า ช่วงปีหน้า
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดราคาเป้าหมายหุ้น INTUCH สำหรับปีนี้ ที่ระดับ 108.00 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น INTUCH วานนี้ (17 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 81.50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 0.93% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 771.43 ล้านบาท
หุ้นตัวสุดท้ายคือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC โดยมีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินปันผลตอบแทน สำหรับปีนี้ จะอยู่ที่ระดับประมาณ 5.70% และจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 7.10% ในปีหน้า ส่วน อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 13.90% และจะสามารถปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 24.30% ได้ในปีหน้า ขณะที่ปีนี้ อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น จะอยู่ที่ราว 17.50 เท่า แต่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงสู่ระดับ 14.10 เท่า ช่วงปีหน้า
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดราคาเป้าหมายหุ้น ADVANC สำหรับปีนี้ ที่ระดับ 300.00 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น ADVANC วานนี้ (17 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 252 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 2.02% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.83 พันล้านบาท
ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 7 ตัวที่ถูกกล่าวถึงข้างต้น จัดเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับการลงทุนในสภาวะที่ตลาดยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนจริงจัง โดยหุ้นเหล่านี้มีองค์ประกอบสำคัญหลายอย่างที่สามารถบ่งชี้ถึงโอกาสที่นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งมีทั้งผลตอบแทนในรูปของ เงินปันผล และ กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น ขณะเดียวกัน หุ้นเหล่านี้ ถือเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่ดี และสามารถทำกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาเป็นอย่างมาก
*อนึ่ง ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจ และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน