SET บ่ายไร้ปัจจัยใหม่ เสี่ยงปรับลงแนะจับตาแนวรับสำคัญ 1,471 จุด

SET ช่วงเช้าแกว่งแคบ หลังตลาดยังไร้ปัจจัยหนุน ซึ่งช่วงนี้เป็นเทศการของ Earning Season ส่วนตลาดภูมิภาคบางแห่งปิดทำการในวันนี้ คาดว่าตลาดรับรู้เรื่องกรีซ และจีนไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องจับตาการประชุมเฟดช่วงปลายเดือนนี้ ช่วงบ่ายคาดดัชนีฯแกว่งแคบ โดยมีแนวรับ 1,477-1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485-1,490 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (17 ก.ค.) แกว่งในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่มาช่วยหนุน สำหรับปัจจัยในประเทศเป็นช่วงของ Earning Season ทั้งนี้คาดว่าตลาดรับรู้เรื่องของกรีซ และจีนไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาการประชุมเฟดในช่วงปลายเดือนนี้อีกด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคบางตลาดปิดทำการในวันนี้

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีแกว่งแคบหากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา โดยมีแนวรับ 1,477-1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485-1,490 จุด

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งกรอบแคบทั้งในแดนบวกและลบเล็กน้อย โดยเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อรอปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคบางตลาดหยุดทำการในวันนี้ โดยตลาดในกลุ่ม TIP มีเพียงตลาดหุ้นไทยที่เปิดทำการ ซึ่งคาดว่าตลาดรับรู้เรื่องของกรีซไปแล้ว และจีนได้ผ่อนคลายไปแล้ว ต่อไปต้องรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในช่วงปลายเดือนนี้

ส่วนปัจจัยภายในขณะนี้เป็นช่วงของ Earning Season ซึ่งอย่างช้าต้นสัปดาห์หน้างบฯ กลุ่มธนาคารจะทยอยออกมา แต่คาดว่าจะไม่สดใส ซึ่งหากจะลงทุนควรมองการลงทุนในระยะยาวเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดน่าจะมีการเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการมากขึ้น แต่เรื่องเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา อาจมีส่วนทำให้จำกัดกรอบ upside ของดัชนีได้

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าดัชนีฯ คงแกว่งแคบหากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา พร้อมให้แนวรับ 1,477-1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485-1,490 จุด

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (17 มิ.ย.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในกรอบแคบ โดยมีการซื้อขายมากในกลุ่ม ICT-CONMAT-ENERG และ FOOD ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นในการซื้อขายช่วงบ่ายวันนี้ ภายหลังจากที่สถานการณ์หนี้กรีซมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ในขณะที่หุ้นจีนดีดตัวขึ้นแต่นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้นจีน

สำหรับ ปัจจัยที่ต้องจับตาช่วงนี้ คือ 1) ECB จะเพิ่มวงเงินกู้ฉุกเฉินให้แก่ธนาคารกรีซอีก 900 ล้านยูโรเพื่อช่วยบรรเทาภาวะตึงตัวในระบบธนาคาร 2) ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง โดยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ 19 สัปดาห์ติดต่อกัน 3) การเร่งประมูลคลื่นความถี่ของ กสทช.สร้างความชัดเจนแก่กลุ่มสื่อสาร 4.การเก็งกำไรในช่วงการประกาศงบไตรมาสสอง และ 5) ภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อจีดีพีภาคเกษตรครึ่งปี 58 หดตัว 4.2% โดยเลวร้ายสุดในรอบ 36 ปี

แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีหุ้นไทยเกิดการฟอร์มตัวในรูปแบบ Three Black Crows มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ โดยมีแนวรับแรกที่ 1,476 จุด และแนวรับสำคัญที่ 1,471 จุด 

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

TASCO มูลค่าการซื้อขาย 1,211.31 ล้านบาท ปิดที่ 24.30 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

BR มูลค่าการซื้อขาย 930.23 ล้านบาท ปิดที่ 12.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 855.23 ล้านบาท ปิดที่ 250.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 555.18 ล้านบาท ปิดที่ 97.50 บาท ลดลง 0.75 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 441.09 ล้านบาท ปิดที่ 5.20 บาท ลดลง 0.10 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button