พาราสาวะถี

อรชุน

นาทีนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เฉิดฉายอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ดีใจหน้าบานที่ชุมชนไทยในสหรัฐฯให้การต้อนรับ เล่าสถานการณ์ในเมืองไทยให้คนที่นั่นฟัง พร้อมยอมรับ ช่วงเป็นนายกฯ เผด็จการเดินทางไปไหนไม่กล้ายืดอก แต่วันนี้หลังผ่านเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำคนแรก ๆ ที่ส่งสารไปแสดงความยินดี ประมาณว่านี่ฉันเป็นผู้นำที่มาจากระบอบประชาธิปไตยแล้ว แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่าจดหมายที่ได้เป็นไปตามมารยาทหรือด้วยความจริงใจกันแน่

เพราะถ้าประเทศประชาธิปไตยเปิดใจรับแบบเต็มที่ การทำมาค้าขายจะต้องรุดหน้าไม่มีการวางกติกา เงื่อนไข รวมไปถึงสัมพันธภาพทางการทูตต้องเปิดการเจรจาแบบเสรีไม่มีแทงกั๊ก หากทุกอย่างยังดำเนินไปเหมือนช่วงที่มีผู้นำเผด็จการ นั่นก็หมายความว่า พิธีกรรมเลือกตั้งที่มุ่งหวังสร้างให้ชาวโลกเห็นว่าไทยแลนด์มีรัฐบาลจากการเลือกของประชาชนแล้ว ไม่สามารถแหกตานานาอารยะประเทศได้ ซึ่งคงไม่ต่างจากคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่า เปลี่ยนแต่เสื้อคลุมแต่บรรยากาศและทุกอย่างยังเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติเที่ยวนี้ มีวาระสำคัญคือ การประชุมเต็มคณะระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ผู้นำประเทศไทยได้ไปโชว์วิสัยทัศน์ต่อเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็อย่าลืมขอบคุณผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้จนประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศด้วย และอีกเรื่องที่สำคัญควรจะบอกกับต่างชาติด้วยว่า โครงการดี ๆ แบบนี้ก็ยังมีพวกที่จ้องจะล้ม ในฐานะผู้นำเผด็จการเวลานั้น ทำไมถึงตัดสินใจไม่ล้ม เพราะเห็นความสำคัญของโครงการหรือว่าล้มแล้วตัวเองจะอยู่ไม่ได้กันแน่

นี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่เป็นบทพิสูจน์ว่าประชานิยมไม่ใช่สิ่งเลวร้ายทั้งหมด หลายโครงการนอกจาก 30 บาทรักษาทุกโรค รัฐบาลเผด็จการก็ได้นำไปใช้และต่อยอด เช่น กองทุนหมู่บ้าน สินค้าโอทอป แม้จะมีความพยายามจำแลงแปลงร่างอย่างไร แต่ที่มาเกิดจากอะไรคนทั่วไปเขารู้กันดี ส่วนประเภทที่เอาแต่แจกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น มันนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ได้หรือไม่ ไม่ต้องไปถามคนอื่น ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคนที่ทำน่าจะรู้ดีกว่าใครเพื่อน

กลายเป็นประเด็นใหญ่โตเรื่องแกนนำกลุ่มสามมิตรกินข้าวกับ 14 ส.ส.เพื่อไทยช่วงเช้าวันอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ 18 กันยายนที่ผ่านมา จน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกมาบลั๊ฟกลับว่ามีคลิปเสียงที่แสดงให้เห็นถึงว่ามีความพยายามดูดส.ส.เหล่านั้นเพื่อไปอยู่ภายใต้อาณัติของพรรคสืบทอดอำนาจ พร้อมขู่ที่จะดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่มวยถูกคู่อย่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน ออกมาท้าถ้ามีอยู่จริงก็ให้รีบเปิดจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร ใครพูดจริงหรือแค่สร้างกระแส

แน่นอนว่า สำหรับความพยายามในการดูดคนของพรรคนายใหญ่นั้น คงไม่มีใครปฏิเสธความมีอยู่จริง เพราะมันเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงก่อนเลือกตั้ง ประสบความสำเร็จไปบางส่วน แต่ส่วนใหญ่ยังปักหลักอยู่กับพรรคการเมืองเดิม และผลของการเลือกตั้งก็เป็นบทพิสูจน์ว่าคนที่เลือกไปต่อคิดถูก เพียงแต่ว่าหลังจากเลือกตั้งไปแล้ว ด้วยสภาพของความเป็นฝ่ายค้านที่ร้างสนามการเมืองมานานกว่า 5 ปี บรรยากาศทางการเมืองมันจึงเอื้อต่อการที่จะปันใจไปให้ฝ่ายรัฐบาลได้เป็นอย่างยิ่ง

ยืนยันมาตลอดว่า “งูเห่าชั่วคราว” มีแน่และจะคงอยู่ตลอดอายุของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ เพราะด้วยสภาพเสียงปริ่มน้ำในการพิจารณาเรื่องสำคัญ หากไม่ประสานขอเสียงสนับสนุนที่ย่อมต้องมีต้นทุน ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องการให้ผ่านความเห็นชอบจากสภานั้น มันจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ทุกเมื่อ ดังนั้นหากการดูดในทางการข่าวที่ปรากฏหมายถึงการซื้อเสียงยกมือหนุนน่าจะมีความเป็นไปได้และเป็นจริงมากกว่า การที่จะดูดเพื่อให้ย้ายไปสังกัดพรรคสืบทอดอำนาจ

ต้องไม่ลืมว่า เวลานี้นักการเมืองที่มีสถานะเป็นส.ส.หากย้ายพรรคหมายถึงการลาออกจากพรรคเดิมที่ตัวเองสังกัด ซึ่งตามกฎหมายจะทำให้สิ้นสภาพความเป็นส.ส.ทันที ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าหมดประโยชน์ที่พรรคแกนนำรัฐบาลต้องการ การจะได้เสียงส.ส.จากพรรคใดพรรคหนึ่งไปร่วมนั้น ต้องเกิดจากการที่ส.ส.รายนั้นถูกขับออกจากพรรคแล้วต้องไปหาพรรคใหม่สังกัด หรือพรรคการเมืองต้นสังกัดถูกยุบ นั่นจึงจะเกิดการกวาดต้อนและซื้อตัวส.ส.กันอุตลุด

แต่สถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ไม่มีทางที่พรรคใดก็ตามจะดึงส.ส.จากพรรคไปร่วมงานได้ หากพิจารณาจากบทสัมภาษณ์ของ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพลังงานในฐานะแม่บ้านของพรรคสืบทอดอำนาจก็เข้าใจบริบททางการเมืองเช่นนี้ดี และพูดไปในทำนองที่เข้าใจด้วยว่ามีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องอาศัยเสียงของส.ส.พรรคฝ่ายค้านมาช่วยในบางเรื่อง ซึ่งนั่นเท่ากับว่า แกนนำในรัฐบาลก็พร้อมที่จะแบกรับต้นทุนที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรสำหรับส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะรับจ๊อบพิเศษในรูปแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เพราะเอาเข้าจริงภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน เพื่อไทยเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าถ้าเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะสามารถนำพาประเทศให้ดีขึ้นเหมือนในยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยทำมาแล้วหรือไม่ ดังนั้น ในจังหวะที่รอช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็ปล่อยให้ส.ส.ของตัวเองได้ประโยชน์จากเสียงปริ่มน้ำตรงนี้ไปก่อน เพียงแต่ว่า บางจังหวะมันก็ต้องมีการกระทืบเท้าขู่เพื่อให้เกิดความเกรงใจกันบ้างก็เท่านั้น

ยังคงเป็นตำบลกระสุนตกต่อเนื่องสำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปมปล่อยกู้ให้พรรคอนาคตใหม่ ฝ่ายตรงข้ามย่อมฟันธงไปในทิศทางผิดเต็มประตู ฝ่ายผู้รู้คนที่มีใจเป็นธรรมก็เห็นว่าถ้ากฎหมายไม่ได้ระบุไว้ชัดก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย แต่เรื่องนี้อยู่ที่คนตัดสินอย่างกกต.จะชี้ไปในทางไหน ความวัวไม่ทันหายก็มีเรื่องบลายด์ทรัสต์ ที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เคยประกาศก่อนเลือกตั้งว่าจะโอนทรัพย์สินที่มีอยู่ไปให้บริษัทเอกชนดูแล แต่วันนี้ยังไม่ได้ดำเนินการเพราะถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.

มีการแจกแจงแล้วว่า ที่ประกาศไปนั้นเป็นการทำเอ็มโอยูกับบริษัทที่รับดำเนินการ แต่จะมีผลในทางปฏิบัติก็ต่อเมื่อธนาธรได้เป็นและทำหน้าที่ส.ส.เต็มตัวแล้ว เท่านั้นแหละ กระบอกเสียงพรรคแกนนำรัฐบาลก็หยิบมาโจมตีทันทีนี่เป็นการหลอกหลวงประชาชน คนที่ตกเป็นเป้าก็คงปลงเป็นเรื่องปกติ ดู ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นตัวอย่างที่บอกกับนักข่าว “ไม่รู้สึกอะไรเพราะด้านชาแล้ว” มันต้องให้ได้อย่างนี้