พาราสาวะถี

อรชุน

เป็นแค่แอ๊กชั่นทางการเมืองจากการให้สัมภาษณ์ของ “พี่ใหญ่” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องให้ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบม็อบที่ไปแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน “น้องเล็ก” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หน้าที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เกี่ยวข้องกับกลุ่มไหน และมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ อย่าลืมว่าในปัจจุบันรัฐบาลที่ตัวเองอยู่ไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการที่ใครก็จะมาต่อต้านไม่ได้ หากแต่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งต้องยอมรับความเห็นที่แตกต่าง

ในเมื่อมีคนมาหนุนที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยิ้มหน้าบาน ย่อมมีคนต้านเป็นเรื่องปกติ และยิ่งไปบอกว่าต่างประเทศเขายอมรับแล้วว่าเป็นผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ไม่เห็นจะต้องมาอินังขังขอบอะไรกับม็อบเหล่านั้น และยิ่งบอกว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่คนไทยก็ยิ่งไม่ต้องหวั่นไหวอะไร เว้นเสียแต่ว่า ยังคิดว่าตัวเองเป็นได้เพียงแค่กระพี้ของประชาธิปไตยที่หวังใช้กระบวนการการเลือกตั้งมาห่อหุ้มให้ต่างชาติยอมรับ โดยไส้ในยังเผด็จการจ๋าร้อยเปอร์เซ็นต์นั่นก็อีกเรื่อง

ช่วงนี้สัญญาณการแกว่งตัวของเก้าอี้ส.ส.เริ่มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ จุมพิตา  จันทรขจร ส.ส.เขต 5 นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ลาออกจากตำแหน่ง จนกระทั่งรายของ พันตำรวจโทไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.เขต 2 กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐที่รอลุ้นชะตากรรมคำตัดสินของศาลฎีกาในคดีล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยา เมื่อปี 2552 โดยที่พวกซึ่งเป็นแกนนำร่วมกันต้องคำพิพากษาจำคุก 4 ปีไม่รอลงอาญา ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

ล่าสุด ก็มี นวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่นเขต 7 พรรคเพื่อไทย ถูกพิพากษาประหารชีวิตในคดีจ้างวานฆ่าปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ที่ก่อนหน้ายังมองกันว่าถ้าได้ประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นต่อไป สภาพความเป็นส.ส.ของเจ้าตัวก็ยังคงอยู่ แต่หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ตามกฎหมายความเป็นส.ส.ก็จะสิ้นสภาพไปในทันที นั่นต้องทำให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่ โดยที่อาจต้องรอกระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมายอีกระยะ

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวกกต.แจกใบเหลือง กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.เขต 5 สมุทรปราการ พรรคสืบทอดอำนาจ จากกรณีใส่ซองช่วยงานศพ ซึ่งต้องจัดการเลือกตั้งใหม่เช่นกัน และล็อตเดียวกันก็มีข่าวกกต.มีมติเสนอสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือใบแดงและสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครหรือใบดำ ชาติชาย วรพิพัฒน์  ผู้สมัครส.ส. เขต 2 จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ด้วย นัยของจำนวนส.ส.ที่ว่ามาทั้งหมด ในแง่ของส.ส.เขตอาจไม่เป็นปัญหา

เพราะคาดว่าการลงสมัครรอบใหม่ความเป็นไปได้ที่ส.ส.ของพรรคการเมืองเจ้าของพื้นที่จะได้รับเลือกกลับมาก็มีสูงและไม่มีผลต่อจำนวนเสียงส.ส.ในสภา แต่ที่น่าจับตามองคือตัวเลขคะแนนจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีผลต่อการนำมาคิดคำนวณส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ หากทั้งหมดจัดการเลือกตั้งภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 ดังนั้น เรื่องเหล่านี้จึงไม่ควรมองข้าม เพราะทุกคะแนนจะมีผลต่อเก้าอี้ส.ส.ของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม เสียงส.ส.ที่ว่ามานั้น อาจจะไม่มากเท่ากับส.ส.ล็อตใหญ่ของพรรคอนาคตใหม่ ที่มีคดีความอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นพรวน ที่จับตามองกันเป็นพิเศษเวลานี้ก็เป็นเรื่องของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ให้พรรคกู้เงินไปดำเนินกิจกรรมทางการเมือง หากตีความกันตัวบทกฎหมายปกติ คงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น แต่เมื่อต่างก็รู้กันว่า มันมีความไม่ปกติเกิดขึ้นมาโดยตลอด ประกอบกับท่าทีของกองแช่งที่ให้ความเห็นชี้นำโดยอาศัยฐานความเป็นกระบอกเสียงของเผด็จการสืบทอดอำนาจ

นั่นยิ่งทำให้มองเห็นผลด้านลบที่จะเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองแห่งนี้ แน่นอนว่า คำถามประการต่อมาคือ หากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่จริง สถานะส.ส.ของพรรคกว่า 80 ชีวิตจะเป็นอย่างไร หากยึดโยงในรายของ ไพบูลย์ นิติตะวัน ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไปหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดได้ แต่หากไม่ใช่ฝ่ายที่ตีความจะใช้เหตุผลอะไรในการอธิบายให้สังคมเข้าใจ และนั่นก็จะเป็นการตอกย้ำเรื่อง “สองมาตรฐาน” ขององค์กรที่จะอำนวยความยุติธรรมในทันที

ขณะที่แนวโน้มตามรายงานค่อนข้างที่จะโน้มเอียงไปในทิศทางที่ว่า พรรคน้องใหม่มาแรงน่าจะไม่ได้ไปต่อ แม้จะมีมือกฎหมายอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยผู้ช่ำชองอย่าง ปิยบุตร แสงกนกกุล แต่มุมมองจากความเป็นนักวิชาการที่ไม่ใช่ผู้ชี้ผิดชี้ถูกถึงจะมีเหตุผลหนักแน่น แต่ก็ไร้น้ำหนักมากพอที่จะทำให้สถานะของพรรคตัวเองได้ก้าวไปบนถนนสายประชาธิปไตย สมมติฐานของการข่าวที่ว่านี้อ่านได้ไม่ยากจากการที่จนป่านนี้ธนาธรได้ชื่อว่าเป็นส.ส.แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในสภาหินอ่อน

ขณะเดียวกันก็จะเห็นได้ว่าแค่ประเด็นปล่อยกู้ ทั้ง ๆ ที่มีความเห็นจากเนติบริกรใหญ่อย่าง วิษณุ เครืองาม ว่าอาจต้องยกประโยชน์ให้จำเลยหากกฎหมายเขียนไม่ครอบคลุม แต่ก็มีเสียงทักท้วงดังกระหึ่มมาจากพวกเดียวกันทั้งสิ้นว่าตีความเช่นนั้นไม่ได้ หากความเห็นดังกล่าวเป็นการโยนหินถามทาง ก็ชัดเจนว่าคำตอบที่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นตัวช่วยให้องค์กรที่จะตัดสินเรื่องนี้ ได้มีแนวทางในการตัดสินใจ ที่เหลือก็แค่หาคำอธิบายที่สวยหรูมาประกอบเท่านั้นเอง

คำถามที่ตามมาแล้วถ้าเกิดอนาคตใหม่ถูกยุบโดยที่ส.ส.ทั้งหมดสามารถหาพรรคใหม่อยู่ได้ จะเกิดการไหลไปร่วมกับพรรคสืบทอดอำนาจ ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพทันทีทันใดเลยหรือไม่ ตรงนั้นเป็นเรื่องที่ต้องไปวัดใจบรรดาผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ซึ่งเวลานี้ต่างยืนยันว่าทำการเมืองด้วยอุดมการณ์ ไม่มีอะไรมาทำให้หวั่นไหวได้ แต่เป็นการกล่าวในบริบทที่พรรคยังอยู่และผู้นำพรรคยังเข้มแข้ง แต่ในภาวะที่ถูกจัดการไปแล้วต้องพิสูจน์ว่า คนเหล่านั้นจะยืนหยัดอย่างท้าทายเหมือนเดิมหรือไม่

ขณะที่ประเด็นดูดส.ส.เพื่อไทยไปช่วยรัฐบาล ต้องรอความชัดเจนจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่บอกว่ามีคลิปเสียงและกำลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย หากไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะจัดได้ก็รีบออกมาสื่อสารกับสังคมโดยเร็ว การเมืองยุคนี้ประชาชนเบื่อหน่ายกับเกมน้ำเน่า ดิสเครดิตกันไปมา จะว่าไปหนทางที่นักการเมืองเดินกันอยู่เวลานี้ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีอะไรมาทำให้รัฐบาลสืบทอดอำนาจอายุสั้น