RS ทุ่ม 50 ลบ. ส่งสินค้าเฮลท์แอนบิวตี้ตัวใหม่ ดันยอดขายไตรมาส 4 พุ่ง

RS ทุ่ม 50 ลบ. ส่งสินค้าเฮลท์แอนบิวตี้ตัวใหม่ ดันยอดขายไตรมาส 4 พุ่ง


นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง MPC (Multi-platform Commerce) เติบโตต่อเนื่อง สร้างรายได้เป็นสัดส่วนหลักถึง 60% ให้กลุ่มอาร์เอส ภายใต้กลุ่มธุรกิจไลฟ์สตาร์ (Lifestar) ที่มุ่งผลิตสินค้าสุขภาพและความงามคุณภาพระดับโลกสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าเฮลท์แอนบิวตี้ (Health and Beauty) กลุ่มสินค้าโฮมแอนไลฟ์สไตล์ (Home and Lifestyle) กลุ่มสินค้าเครื่องประดับ (Accessories) กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และแก็ดเจ็ต (Electronic & Gadget)

โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ของธุรกิจ MPC ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่จากการขยายแพลตฟอร์มการจำหน่ายสินค้าเจาะเข้าถึงดาต้าเบสผู้บริโภคมากที่สุด ทั้งจากช่อง 8, ช่องไทยรัฐทีวี และวิทยุคูลฟาเรนไฮต์ ซึ่งสามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากกว่า 20 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ www.shop1781.com, LINE@shop1781, LINE@COOLanything รวมถึงผ่าน LifestarBIZ หรือตัวแทนขายตรง ซึ่งหลังจากโยนบิ๊กล็อตให้กับกลุ่มบีทีเอส ดาต้าเบสของทั้ง 2 บริษัท จะมีฐานลูกค้า พุ่งถึง 35 ล้านคน แบ่งเป็นฐานลูกค้าของอาร์เอส อายุ 35 ปีขึ้นไป และฐานลูกค้าของกลุ่มบีทีเอสจะเป็นกลุ่ม 35 ปีลงมา ซึ่งไม่ทับซ้อนกับกลุ่มเดิม และแผนธุรกิจที่บริษัทมองโอกาสร่วมกับกลุ่มบีทีเอสจะเกิดใน 2 มิติ คือ การ Synergy นั่นคือกลุ่มบีทีเอสจะทำหน้าที่เป็นอีกช่องทางขาย นอกจากช่องทางเดิมที่อาร์เอสมีอยู่แล้ว และต่อยอดธุรกิจ MPC เดิมของอาร์เอส ในกลุ่ม Health & Beauty เดิมและพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกัน ซึ่งจะเห็นภาพที่ชัดเจนในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีเป้าหมายเพิ่มจำนวน Telesales ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญ เพื่อรองรับการซื้อซ้ำของผู้บริโภค รวมทั้งให้บริการคำปรึกษาแนะนำธุรกิจตลอด 24 ชั่วโมง จากปัจจุบันมีอยู่กว่า 500 ราย และจะมีการเพิ่มขึ้นตามจำนวนการสั่งซื้อ ซึ่งบริษัทได้เตรียมที่จะย้ายออฟฟิศต้นปี 2563 สามารถรองรับเทเลเซลได้ถึง 2,000 ราย โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่ซื้อขายสินค้าของบริษัทแล้วจำนวน 1.3 ล้านราย และโตต่อเนื่องเดือนละ 20,000 ราย

โดยล่าสุด เขย่าตลาดเฮลท์แอนบิวตี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้งในไตรมาสสุดท้ายด้วยการทุ่มงบกว่า 50 ล้าบาท ชูกลยุทธ์ “Story Telling” การสื่อสารแนวใหม่ ผ่านเรื่องราวในชีวิตจริงของ น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์ ที่มาร่วมเผยเคล็ดลับและเปิดตัวแคมเปญ ‘ใครว่าผิวเข้ม กระจ่างใสไม่ได้’ กับมาจีค เฮิร์บลิส พร้อมทั้งวางกลยุทธ์สื่อสารและทำการตลาดหลากหลายช่องทางในรูปแบบ Omni-Channel Marketing เชื่อมโยงช่องทางระหว่างออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเข้าถึงสินค้าง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ยังคงตอกย้ำการเล่าเรื่องราวคุณสมบัติของสินค้าให้น่าสนใจ ผ่านกลยุทธ์ Celebrity Endorsement โดย              พรีเซนเตอร์ดัง ได้แก่ “ตุ๊ก-ดวงตา ตุงคะมณี” นักแสดงรุ่นใหญ่ เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอส.โอ.เอ็ม. หลินจือซัน, “ฝ้าย–เวฬุรีย์ ดิษยบุตร” นางเอกช่อง 8 สุดปัง เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์สกินแคร์ดูแลผิวพรรณ แบรนด์ MAGIQUE “เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์” นักร้องนักร้องขวัญใจมหาชน เป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์ดูแลเส้นผม แบรนด์ REVIVE และ “พีท ทองเจือ” พระเอกซุปตาร์ตลอดกาลเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร S.O.M. CMAX กาแฟสำเร็จรูปมีส่วนผสมถั่งเช่าสกัด

อีกทั้งยังเสริมทัพด้วยการเล่าเรื่องราวคุณสมบัติของสินค้าให้น่าสนใจ ผ่านรายการ “ใส่ใจ ไกลโรค” และรายการ “บิวตี้ คลับ” ทางช่อง 8 ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนได้รับรู้ประสบการณ์จริงที่มีประโยชน์จากผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ผ่านศิลปินดารา อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอส.โอ.เอ็ม.ไอ-แคร์ โดย ต้น-ตระการ พันธุมเลิศรุจี, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอส.โอ.เอ็ม. ดีทีเอ็กซ์ โดย ยุ้ย-ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี, ผลิตภัณฑ์ Revive Black Shine Anti-aging Hair Serum บอกเล่าประสบการณ์ผ่าน ผัดไท ดีใจ ดีดีดี รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์และได้ผลตอบรับที่ดีเป็นที่ประจักษ์ จึงเกิดการซื้อซ้ำและใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เทรนด์โลกกำลังสนใจสินค้าเพื่อสุขภาพ และประเทศไทยเองก็กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aged Society) ทำให้ทุกคนหันมาใส่ใจต่อการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น ธุรกิจ MPC ของเราได้เตรียมลอนช์สินค้าใหม่ เป็นสุดยอดนวัตกรรมคุณภาพได้มาตรฐานระดับสากลในกลุ่มเฮลท์แอนบิวตี้ (Health and Beauty) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร S.O.M. CMAX และอื่นๆ อีก 2-3 รายการ ด้วยกลยุทธ์การบริหารและแผนการตลาดที่ทำอย่างแม่นยำและต่อเนื่องตลอดทั้งปี คาดได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า มั่นใจว่าโปรดักส์ใหม่นี้ จะยืนหนึ่งเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามวิสัยทัศน์ในการสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดและความแข็งแรงให้กับองค์กรในระยะยาว พร้อมทั้งเปิดกว้างรับพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาช่วยขยายธุรกิจในแนวราบ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ นำไปสู่การขยายฐานรายได้ของบริษัทอาร์เอส ซึ่งความร่วมมือระหว่างอาร์เอสและกลุ่มบีทีเอส และการดีลกับพันธมิตรธุรกิจที่เกี่ยวพันกับการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อความงามต้นน้ำ จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นภายในปลายปีนี้ และจะทำให้กลุ่มบริษัทอาร์เอสทะยานสู่เป้าหมื่นล้านในปี 2565 ได้อย่างแน่นอน

Back to top button