พาราสาวะถี

เลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 5 นครปฐม หากจะเป็นบทพิสูจน์ความกลมเกลียวกันระหว่างพรรคฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน งานนี้ฝ่ายที่ไม่ได้ถือครองอำนาจรัฐชนะขาด เพราะเพื่อไทยหลีกทางไม่ส่งคนลงสมัคร ปล่อยให้อนาคตใหม่ส่ง ไพรัฏฐโชติ จันทรขจร สามีของจุมพิตาอดีตส.ส.ที่ลาออกไปลงชิงชัยในนามตัวแทนพรรคฝ่ายค้านแต่เพียงผู้เดียว ขณะที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไว้ล่วงหน้าพลังประชารัฐยินดีหลีกทางให้พรรคส่ง สุรชัย อนุตธโต คนที่ได้ที่สองจากการเลือกตั้งหนก่อนลงสนาม


อรชุน

เลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 5 นครปฐม หากจะเป็นบทพิสูจน์ความกลมเกลียวกันระหว่างพรรคฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน งานนี้ฝ่ายที่ไม่ได้ถือครองอำนาจรัฐชนะขาด เพราะเพื่อไทยหลีกทางไม่ส่งคนลงสมัคร ปล่อยให้อนาคตใหม่ส่ง ไพรัฏฐโชติ จันทรขจร สามีของจุมพิตาอดีตส.ส.ที่ลาออกไปลงชิงชัยในนามตัวแทนพรรคฝ่ายค้านแต่เพียงผู้เดียว ขณะที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไว้ล่วงหน้าพลังประชารัฐยินดีหลีกทางให้พรรคส่ง สุรชัย อนุตธโต คนที่ได้ที่สองจากการเลือกตั้งหนก่อนลงสนาม

เดิมทีเข้าใจว่าจะเป็นหนึ่งเดียวของซีกรัฐบาลที่ส่งเข้าประกวด แต่ปรากฏว่าพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ยอม เนื่องจากนครปฐมคือพื้นที่เป้าหมายมาตั้งแต่ต้นดังนั้นจึงจะขอส่ง เผดิมชัย สะสมทรัพย์ เป็นผู้ท้าชิง โดยมีคนในตระกูลประกาศกร้าว รู้จุดอ่อนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาเชื่อว่าจะสามารถปิดช่องโหว่และกลับมาคว้าชัยชนะได้อย่างสวยงาม และดูเหมือนว่ามีสัญญาณดีที่ในวันสมัครวันแรกเจ้าตัวก็จับติ้วได้เบอร์ 1 เรียกร้อยยิ้มที่มุมปากจาก กัญจนา ศิลปอาชา ได้ทันที

ส่วนที่กังวลกันว่าการที่มีพรรครัฐบาลส่งผู้สมัคร 2 คนจะเป็นการตัดแต้มกันเองหรือไม่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะคนกุมบังเหียนการเมืองของพรรคร่วมไม่กล้าฟันธง โดยโยนไปให้เป็นเรื่องของสองพรรคคุยกันเอง หากดูตามหน้าเสื่อฟากฝ่ายค้านคงเชื่อมั่นว่าจากที่มองจะเป็นงานยากน่าจะสบายกว่าที่คิด แต่ฟากฟังเสียงของ ระวัง เนตรโพธิ์แก้ว อดีตผู้สมัครของพรรคสืบทอดอำนาจที่เข้าป้ายมาอันดับ 3 จากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว มีแง่มุมให้คิดตามไม่น้อย

แม้เจ้าตัวยินดีที่จะหลีกทางให้ประชาธิปัตย์ตามมติของพรรคต้นสังกัด แต่เมื่อชาติไทยพัฒนาส่งเผดิมชัยลงแข่งขัน ระวังก็ฟันธงว่าพรรคเก่าแก่ควรหลีกทางให้จะดีกว่า เพราะมองในแง่ความพร้อมและศักยภาพในพื้นที่แล้วคนบ้านใหญ่ดูดีมีภาษีและน่าจะทำให้คะแนนเสียงส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งได้แน่ โดยมีการยกประเด็นความนิยมของประชาธิปัตย์ที่ตกต่ำในกทม.ลามมาถึงนครปฐมด้วย ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กระเตื้อง

การเมืองเป็นเรื่องที่พลิกผันได้ตลอดเวลา ประสาพรรคเก่าแก่ย่อมมีความมั่นใจในทิศทางและแนวทางที่ตัวเองเชื่อว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้แน่ แต่โจทย์คงไม่ได้อยู่ที่ว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลมาแย่งคะแนนกันเอง เพราะแม้ชาติไทยพัฒนาไม่ส่งคนลงสมัคร ก็ใช่ว่าที่เคยเลือกจะหันไปเทคะแนนให้คนของประชาธิปัตย์ ในยามที่สถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่าง บางทีคนก็อาจยากจะส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้มีอำนาจผ่านการเลือกตั้งก็เป็นได้

ขณะเดียวกัน หากรัฐบาลมั่นใจว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะโครงการแจกพันบาทให้ไปเที่ยว ที่กำลังปั่นกระแส สร้างความตื่นตัวให้คนแห่แหนไปลงทะเบียนกันจนเว็บล่มอยู่ในเวลานี้ จะแปรสภาพมาเป็นคะแนนเสียงให้ได้ ก็ไม่ต้องห่วงว่าการที่มีคนของสองพรรคไปแข่งกันเองนั้น จะทำให้ตกเป็นรองและมีโอกาสพ่ายต่อฝ่ายค้านขาดลอย เพราะถ้าดีจริงคนที่เคยเลือกอนาคตใหม่ก็อาจจะหันมาเทใจให้กับคนซีกรัฐบาลไม่ว่าจะประชาธิปัตย์หรือชาติไทยพัฒนาก็ตาม

ต้องตามแก้ปม กูเกิล” เป็นอันดับแรก ภารกิจหลังกลับจากสหรัฐอเมริกาของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงอยู่ที่การให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังว่าพร้อมส่ายหน้า มีการนำไปบิดเบือนทุกเรื่องว่าตนไม่มีข้อมูลว่าคนไทยใช้โทรศัพท์หรือกูเกิลจำนวนเท่าไหร่ ตนพูดเพียงว่าจะรู้เรื่องประเทศไทยได้อย่างไรต่อไปต้องไปเปิดกูเกิลถ้าไม่เปิดก็ไม่รู้ ตนพูดแค่นี้คนอื่นจะตีความอะไรนักหนามันทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม พร้อมย้ำประโยคเดิม ๆ ไม่ต้องการเป็นผู้ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น”

ดูเหมือนว่าอารมณ์บูดต่อเรื่องดังกล่าวยังไม่หมด เมื่อท่านผู้นำไปเดินตลาดเก่าเยาวราชท่ามกลางประชาชนที่มาให้กำลังใจ พร้อมคำป้อยอว่าชื่นชอบที่นายกฯ เป็นคนพูดตรง พลเอกประยุทธ์จึงฝากชาวบ้านว่า หากใครพูดโกหกอย่าไปเชื่อ” คำถามก็คือชาวบ้านจะรู้ได้อย่างไรว่าใคร ฝ่ายไหนที่พูดโกหก เพราะข้อมูลหลายเรื่องที่มาจากฝ่ายรัฐ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริงแต่ก็เป็นความจริงไม่หมด นำเสนอเฉพาะสิ่งดี ๆ เท่านั้น ส่วนข้อบกพร่องหรือข้อทักท้วงต่าง ๆ หลายเรื่องจงใจที่จะไม่กล่าวถึง

ความจริงหากยึดตามที่ท่านผู้นำบอกให้ประชาชนรู้จักค้นคว้า แสวงหาความรู้ผ่านกูเกิล ก็คงจะเข้าใจว่า ประชาชนยุคสมัยนี้ไม่มีทางเชื่อน้ำคำใครง่าย ๆ  ทุกคนรู้จักสืบค้นและเทียบเคียงข้อมูล ใคร พวกไหนที่พูดจริง ทำจริง ใครที่เสแสร้ง แกล้งทำ ยุคโซเชียลมีเดีย ไม่มีใครโกหกหรือสร้างภาพแหกตาประชาชนได้ง่าย ๆ เห็นได้จากโครงการชิมช้อปใช้ ที่แม้จะมีคนแห่ไปลงทะเบียนรัฐบาลประสบความสำเร็จในแง่ของเสียงตอบรับ แต่ก็ปรากฏข้อผิดพลาดที่ตามมาหลายประการ ร้อนถึงทีมงานที่รับผิดชอบต้องรีบออกมาชี้แจงและแนะนำประชาชนอย่างรวดเร็ว

การสื่อสาร ช่วงชิงความได้เปรียบในแง่ของความเป็นข่าว ต้องยอมรับว่าในยุคสังคมออนไลน์ ต่างมุ่งเน้นที่จะนำเสนอให้ประชาชนได้รับรู้กันอย่างแพร่หลาย รวดเร็ว แต่บางครั้งก็ลืมคำนึงถึงความถูกต้อง แม่นยำ ดังนั้น สื่อกระแสหลักจึงยังมีความจำเป็นในการที่จะช่วยคัดกรอง สอบทาน เว้นเสียแต่บางสำนักที่เน้นเร็วตามโลกที่เปลี่ยนแปลงจนขาดสำนึกเรื่องความถูกต้อง ครบถ้วน แต่โดยภาพรวมก็ยังถือว่าเป็นที่พึ่งหวังของสังคมได้อยู่ มิเช่นนั้น ฝ่ายกุมอำนาจคงไม่บ่นสื่อที่ไม่ยอมเสนอข่าวในทิศทางที่อยากจะให้เป็น

เช่นการทำงานของฝ่ายค้านที่ซีกรัฐบาลอยากให้สื่อมีพื้นที่ให้น้อยที่สุด ทั้งที่ความเป็นจริงมันเป็นเรื่องของประเด็นที่มีการนำเสนอ อย่างกรณีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เราได้เห็นกระบวนการทำงานของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เดินหน้ากันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จนวันนี้มีการวางแผนกันไว้ 3 ระยะ และประกาศว่าเป็นการทำงานกันอย่างสร้างสรรค์ เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่จำนวนแต่อยู่ที่กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมและความรู้ให้กับประชาชน

ผิดกับซีกรัฐบาลที่วันนี้พรรคแกนนำรวมทั้งพรรคร่วมอย่างประชาธิปัตย์ เคลื่อนไหวที่จะขอตั้งคณะกรรมาธิการศึกษานำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกัน แต่ยังไร้ทิศทางว่าจะตั้งต้นกันแบบไหนและเป้าหมายนำไปสู่การแก้ไขแบบใด สิ่งที่คนคาใจคือแก้เพื่อยกอุปสรรคที่เป็นปัญหาของคนทั้งประเทศให้หมดไป หรือแก้ไขเพื่อให้บางเรื่องของขบวนการสืบทอดอำนาจไม่ติดขัดเท่านั้น

Back to top button