ALT ตัดเนื้อ..ยื้อชีวิต..!

สำนักข่าวรัชดา

ไม่ต่างอะไรกับการตัดเนื้อร้าย…เพื่อยื้อชีวิต..!? กรณีบริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT ประกาศขายหุ้นบริษัท ไทธนันต์ จำกัด สัดส่วน 51% ให้กับบริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) หรือ NNCL

โดย ALT ยังคงเหลือถือหุ้นในไทธนันต์ ในสัดส่วน 48.997% จากเดิม 99.997% ส่งผลให้ไทธนันต์จะมีสภาพเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง ALT และ NNCL ซึ่งคาดว่าจะลงนามในสัญญาซื้อขายภายในวันที่ 31 ต.ค.62

ALT เป็นผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งลักษณะธุรกิจจะคล้ายกับบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ที่ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมเช่นกัน

แต่ความต่างในความเหมือนของทั้งสองบริษัทอยู่ตรงที่ ITEL เป็นแค่ผู้รับจ้างวางระบบ จบเป็นโปรโจกต์ ๆ ไป ทำให้ไม่ต้องแบกรับต้นทุนการบริหารจัดการโครงข่าย

ขณะที่ ALT เป็นเจ้าของระบบโครงข่ายเอง แล้วรอให้ลูกค้ามาใช้งาน

ข้อดี คือ จะสร้างรายได้กลับเข้ามาในรูปของค่าเช่า ทำให้บริษัทมีรายได้ประจำ หรือ Recurring Income…

แต่ความเสี่ยง…หากมีลูกค้ามาใช้บริการน้อย เงินก็จะจมไปกับการลงทุน

ซึ่งเป็นปัญหาที่ ALT ยังแก้ไม่ตก !!

อย่างกรณีที่ ALT ได้งานบริหารโครงการให้บริการ Free WiFi ตามเส้นทางของรถไฟฟ้า โรงเรียน มหาวิทยาลัย ก็ดูเหมือนจะดี

แต่ปรากฏว่า มีลูกค้าใช้งานน้อย เพราะค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องมีการเชื่อมต่อระบบอีกทอด ทำให้ไม่คุ้มค่าในการลงทุน

เป็นสาเหตุที่ฉุดให้ผลประกอบการ ALT ช่วงที่ผ่านมาถดถอยลงเรื่อย ๆ…

จากปี 2558 เคยมีรายได้รวม 2,038 ล้านบาท กำไรสุทธิ 287 ล้านบาท ปี 2559 รายได้รวมลดเหลือ 1,309 ล้านบาท กำไรสุทธิลดฮวบเหลือ 56 ล้านบาท ส่วนปี 2560 นี่ยิ่งแย่ รายได้รวมเหลือแค่ 892 ล้านบาท แถมพลิกมาขาดทุนสุทธิ 286 ล้านบาท

ตอกย้ำด้วยงวด 6 เดือนแรกปี 2562 ที่มีรายได้รวม 338 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 98 ล้านบาท

ไม่นับรวมกับยอดขาดทุนสะสมอีก 237 ล้านบาท

เห็นตัวเลขแล้ว น่าห่วงจริง ๆ…

ส่วนการตัดขายหุ้นไทธนันต์ ให้กับ NNCL ครั้งนี้ ก็จะทำให้ ALT ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากไทธนันต์ที่ผลประกอบการยังขาดทุนอยู่

โดยงวด 7 ก.ค.-ธ.ค.60 มีรายได้ 2,585 บาท ขาดทุน 49,441 บาท ปี 2561 มีรายได้ 8,450 บาท ขาดทุน 474,785 บาท และงวดครึ่งแรกปี 2562 มีรายได้ 1,269 บาท ขาดทุน 30,888 บาท

แถมจะทำให้ ALT ได้เงินมาอีกก้อนหนึ่งด้วย…

เกมนี้จึงมองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากการตัดเนื้อร้าย…เพื่อรักษาชีวิตไว้นั่นเอง

แต่นี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น

เพราะสุดท้ายแล้วมันต้องดูกันที่พื้นฐานธุรกิจว่า แข็งแกร่งแค่ไหน ? มีโอกาสเติบโตหรือไม่ ?

ซึ่งถ้าดูจากสถานการณ์ของ ALT ณ ตอนนี้ อาจต้องเผื่อใจไว้บ้างนะ…

…อิ อิ อิ…