อัพเดตล่าสุด! ยืนขอไลเซ่น ‘พิโกไฟแนนซ์’ 1,183 ราย ไฟเขียวแล้ว 680 ราย

อัพเดตล่าสุด! ยืนขอไลเซ่น ‘พิโกไฟแนนซ์’ 1,183 ราย ไฟเขียวแล้ว 680 ราย


นายพรชัย  ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า นิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ทั้งประเภทพิโกไฟแนนซ์และประเภทพิโกพลัส นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,183 ราย ใน 76 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา (105 ราย) กรุงเทพมหานคร (91 ราย) และขอนแก่น (63 ราย)

สำหรับสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ มีจำนวนผู้ยื่นคำขออนุญาตสุทธิทั้งสิ้น 971 ราย ใน 75 จังหวัด โดยมีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์แล้วจำนวน 670 ราย ใน 72 จังหวัด และมีผู้เปิดดำเนินการแล้วจำนวน 569 รายใน 67 จังหวัด

ส่วนสินเชื่อประเภทพิโกพลัส มีจำนวนผู้ยื่นคำขออนุญาตสุทธิทั้งสิ้น 87 ราย ใน 33 จังหวัด ประกอบด้วยผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์เดิมซึ่งได้รับใบอนุญาตและเปิดดำเนินการแล้วมายื่นขอเปลี่ยนใบอนุญาตเป็นสินเชื่อประเภทพิโกพลัส จำนวน 59 ราย ใน 27 จังหวัด และเป็นนิติบุคคลที่ยื่นคำขอใหม่จำนวน 28 ราย ใน 27 จังหวัด โดยมีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกพลัสแล้วจำนวน 10 ราย ใน 6 จังหวัด และมีผู้เปิดดำเนินการแล้วจำนวน 8 รายใน 5 จังหวัด

ขณะเดียวกันมีนิติบุคคลคืนคำขออนุญาตจำนวนทั้งสิ้น 125 ราย ใน 51 จังหวัด ทำให้คงเหลือนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตสุทธิเป็นจำนวน 1,058 ราย ใน 75 จังหวัด และมียอดสะสมของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้ง 2 ประเภท จำนวนทั้งสิ้น 680 ราย ใน 72 จังหวัด ซึ่งได้แจ้งเปิดดำเนินการแล้วจำนวน 577 ราย ใน 67 จังหวัด และมีผู้ประกอบธุรกิจที่ปล่อยสินเชื่อแล้วจำนวน 527 ราย ใน 66 จังหวัด

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2562 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสมจำนวน 106,620 บัญชี รวมเป็นจำนวนเงิน 2,781.29 ล้านบาท หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ยจำนวน 26,085.97 บาทต่อบัญชี ประกอบด้วย สินเชื่อแบบมีหลักประกันจำนวน 50,815 บัญชี เป็นจำนวนเงิน 1,531.59 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55.07% ของจำนวนยอดสินเชื่ออนุมัติสะสม และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันจำนวน 55,805 บัญชี เป็นจำนวนเงิน 1,249.70 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44.93% ของจำนวนยอดสินเชื่ออนุมัติสะสม

ขณะที่มียอดสินเชื่อคงค้างรวมจำนวนทั้งสิ้น 35,428 บัญชี คิดเป็นจำนวนเงิน 1,004.50 ล้านบาท โดยมีสินเชื่อคงค้างชำระ 1-3 เดือน จำนวน 4,652 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 145.90 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.52% ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม และมีสินเชื่อคงค้างชำระที่เกินกว่า 3 เดือน (NPL) จำนวน 3,417 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 97.20 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.68% ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม

ส่วนสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบทดแทนหนี้นอกระบบรายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0.85% ต่อเดือน โดยได้เร่งกระจายความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดังกล่าวแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2562 มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 620,998 ราย เป็นจำนวนเงิน 27,354.97 ล้านบาท จำแนกเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 575,717 ราย เป็นจำนวนเงิน 25,401.76 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติให้กับผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้นอกระบบในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 จำนวน 45,271 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,953.21 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงกวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดสะสมนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 เป็นต้นมา จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2562 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 5,279 คน

Back to top button