สังคมข่าวหุ้น
*เข้าใจว่าแนวรับ 1,600 จุด ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างวานนี้ดัชนีลงมาลึกถึง 1,605 จุด แต่มีแรงซื้อกลับในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น แบงก์กรุงเทพ BBL ทำให้ปิดตลาดดัชนีมาอยู่ที่ 1,610 จุด เป็นแนวรับแรกตามสัญญาณทางเทคนิคพอดี ส่วนวันนี้มีโอกาสที่ดัชนีจะผงกหัวขึ้นได้บ้าง ต้องดูต่างชาติขายต่อเนื่องหรือไม่ และกองทุนด้วย เพราะสองกลุ่มนี้แท็กทีมขายเมื่อไหร่ ลำพังรายย่อยช่วยดึงดัชนีไม่ได้แน่ ๆ
คาเฟอีน
*เข้าใจว่าแนวรับ 1,600 จุด ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างวานนี้ดัชนีลงมาลึกถึง 1,605 จุด แต่มีแรงซื้อกลับในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น แบงก์กรุงเทพ BBL ทำให้ปิดตลาดดัชนีมาอยู่ที่ 1,610 จุด เป็นแนวรับแรกตามสัญญาณทางเทคนิคพอดี ส่วนวันนี้มีโอกาสที่ดัชนีจะผงกหัวขึ้นได้บ้าง ต้องดูต่างชาติขายต่อเนื่องหรือไม่ และกองทุนด้วย เพราะสองกลุ่มนี้แท็กทีมขายเมื่อไหร่ ลำพังรายย่อยช่วยดึงดัชนีไม่ได้แน่ ๆ
*หุ้นกลุ่มธนาคาร ฟื้นยากมาก ๆ แม้ว่าตัวเลข เช่น P/E และ P/BV จะลงมาต่ำมาก ๆ รวมถึงผลตอบแทนเงินปันผลพุ่งเกินกว่า 4% กันหลายตัว แต่ก็ยังมีแรงขายต่อเนื่อง ทำยังกับแบงก์เหล่านั้นจะเจ๊งซะอย่างนั้น แต่มองอีกด้าน ใครที่ชอบหุ้นปันผลดี ๆ ก็น่าจะพอทยอยซื้อสะสมได้ เพราะราคาหุ้นล่าสุด เช่น SCB KBANK และ BBL ลงมาต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีแล้ว
*JASIF ราคาหุ้นเริ่มกลับมาแล้ว หลังตกใจขายหมูหันออกมา เพราะไปหวั่นกับราคาใช้สิทธิซื้อหน่วยลงทุนใหม่จากสินทรัพย์เฟสสอง จนราคาร่วงมาอยู่บริเวณ 10.30 บาท จนเกิดแรงซื้อกลับดันราคาขึ้นมาบริเวณ 10.60 บาท ขณะที่ระดับราคาดังกล่าว เทียบกับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลยังคงอยู่ระดับสูง 8.50-9.00% ส่วนหลังจากนี้ราคาหุ้นน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 10.50-10.90 บาท นั่นแหละ
*IRPC ราคาหุ้นมีแต่ทรงกับทรุด เพราะอาจจะขาดทุนสุทธิมากกว่า 200 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2562 จากการบันทึกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ก็น่าจะยังได้รับผลกระทบจาก crude premium สูงของ Arab Light ทำให้โบรกฯ ปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้นของ IRPC ในปี 2562-2564 สะท้อน GIM ที่คาดจะลดลง เห็นแบบนี้แล้ว สงสัยคงยาวเลยกว่าราคาหุ้นจะผงกหัวกลับมาฟื้นตัวได้ ใครที่ติดอยู่คงต้องขายตัดขาดทุนกันไป หรือไม่ก็ซื้อเพิ่มเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนลงมา
*สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 ยังไม่ฟื้นตัว จึงต้องเดินหน้าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 4 ต่อไป พร้อมเตรียมออกมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ภาค 2 ส่วนรูปแบบนั้นต้องติดตามกันดูว่า จะต่างจากเฟสแรกอย่างไร แต่ธงหลัก ๆ คือ เศรษฐกิจฐานล่างจะต้องดีขึ้น เกิดการหมุนเวียนของเงิน
*ปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย KBANK ปลื้มกับการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อายุ 12 ปี โดยสามารถไถ่ถอนได้ก่อนกำหนดในปีที่ 7 (12NC7) ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2574 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.343% ต่อปี สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 หรือ Tier 2 ของธนาคาร เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของธนาคารในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนเพื่อให้ธนาคารมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมในระยะยาว ส่วนยอดจองนั้นสูงถึง 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 4.4 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้ที่ธนาคารเสนอขาย
*“เนส” บรรณรงค์ พิชญากร เอ็มดีสุดครีเอทค่ายหลักทรัพย์ บัวหลวง ส่งความรู้ด้วยการฟัง Podcast เอาใจไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล สามารถฟังเพลิน ๆ อัปเดตเรื่องเงินและครอบคลุมทุกการลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมให้ฟังแบบชิล ๆ ได้แล้วบนแอปพลิเคชันอย่าง Spotify, JOOX, Apple Podcasts, Google Podcast, Soundcloud และ YouTube เพียงค้นหาด้วยคำว่า “Bualuang Wealthcast” ก็ฟังได้ทันที และอย่าลืมกด Subscribe เพื่อติดตามฟังหัวข้อใหม่ ๆ ได้ที่ www.bualuang.co.th/podcast
*บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ หรือ DW รุ่นใหม่ เป็นประเภทสิทธิในการซื้อ (Call Warrant) จำนวน 4 ตัว ได้แก่ BDMS42C2003A, COM742C2002A, CPF42C2003A และ IVL42C2002A เริ่มซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 3 ต.ค.นี้ ชุดนี้มีความพิเศษที่ DW42 มีค่า Sensitivity ใกล้เคียง 1 ขยับขึ้นลงตามหุ้นอ้างอิงเกือบทุกช่อง เพื่อเป็นทางเลือกที่ดี ให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรใน DW42 บนหุ้นอ้างอิงที่มีความนิยมสูงในตลาด มีราคาเหมาะสม และมีอัตราทดระดับสูงเฉลี่ยกว่า 6 เท่า รวมถึง DW42 มีสภาพคล่องเพียงพอเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน