พาราสาวะถี

ไม่ใช่เพียงแค่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเท่านั้น ที่หันมาเล่นโซเชียลมีเดียอย่างเอาจริงเอาจัง ขยันเสิร์ซกูเกิล จนสถาปนาตัวเองเป็นกูรูผู้เชี่ยวชาญในการสืบค้นข้อมูลนำความรู้ที่ได้มาบริหารประเทศ แต่นักการเมืองยุคใหม่ก็หันมาใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการสื่อสารกับคอการเมืองหรือคนที่ติดตามกันอย่างกว้างขวางด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้รัฐบาลจึงมีแนวคิดในการตั้งศูนย์ปราบปรามข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์เซ็นเตอร์


อรชุน

ไม่ใช่เพียงแค่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเท่านั้น ที่หันมาเล่นโซเชียลมีเดียอย่างเอาจริงเอาจัง ขยันเสิร์ซกูเกิล จนสถาปนาตัวเองเป็นกูรูผู้เชี่ยวชาญในการสืบค้นข้อมูลนำความรู้ที่ได้มาบริหารประเทศ แต่นักการเมืองยุคใหม่ก็หันมาใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการสื่อสารกับคอการเมืองหรือคนที่ติดตามกันอย่างกว้างขวางด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้รัฐบาลจึงมีแนวคิดในการตั้งศูนย์ปราบปรามข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์เซ็นเตอร์

มีมือดีที่เป็นผู้ชักนำท่านผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเข้าสู่วงการโซเชียลมีเดีย อย่างอดีตแกนนำกปปส. พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่วันนี้ขึ้นชั้นนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือดีอี ล่าสุด มีการปูดข้อมูลว่าภายใน 7 วันนี้จะมีการแถลงข่าวใหญ่จับพวกหมิ่นสถาบัน หากไม่ใช่การยัดข้อหาหรือใช้ความผิดในมาตรา 112 เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง คนส่วนใหญ่ก็ให้การสนับสนุน เพราะขึ้นชื่อว่าคนไทย ไม่มีใครที่จะกล้าไปแตะต้องสถาบันอันเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทั้งชาติ

อย่างไรก็ตาม ความรู้มากผ่านกูเกิลของผู้นำ สิ่งที่ตามมาคือการเที่ยวสอนสั่งคนไปทั่วไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ขอให้ได้ขึ้นเวทีมีไมโครโฟนมาจ่อปากเป็นอันต้องพูดน้ำไหลไฟดับ แสดงความรู้ ความเก่งกล้าสามารถ ประเภทข้าแน่อยู่คนเดียว ล่าสุดกับประเด็นเด็กรุ่นใหม่ จนทีมงานกระบอกเสียงทั้งหลายต้องออกมาแก้ต่างแก้ตัวกันพัลวัน ซึ่ง จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ก็ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว

เมื่อดูโดยเฉลี่ยแล้ว เด็กรุ่นใหม่คิดเป็นกว่านายกฯ ที่นายกฯ พูดถึงเด็กรุ่นใหม่แสดงให้เห็นว่านายกฯ คนนี้คิดไม่เป็นจริง ๆ เด็กรุ่นใหม่ คิดเป็นกว่าประยุทธ์ ถ้าเด็กรุ่นใหม่เอาแต่ท่อง 12 ข้อของนายกฯ นายกฯ พูดอะไรก็เชื่อหมด ป่านนี้คงคิดไม่เป็น โชคดีที่เด็กรุ่นใหม่ยังรู้จักคิดและรู้ว่านายกฯ คนนี้คิดอะไรไม่เป็น พร้อมตอกย้ำว่าเด็กรุ่นใหม่คิดเป็นกว่านายกฯ อย่าคิดว่าโลกที่เปลี่ยนไปแล้วนิสัยใจคอของเด็กจะเปลี่ยนตาม ทุกอย่างมันอยู่ที่การเลี้ยงดู สั่งสอนของพ่อแม่ ผู้ปกครอง

ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท่าทีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้นไม่ต้องสืบว่าจริงใจกับการแก้ไขมากขนาดไหน พิสูจน์ไม่ได้จากนโยบายเร่งด่วนข้อ 12 เพราะเป็นความจำใจที่ต้องรับเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์ ยิ่งมีเรื่องการไปแจ้งความเอาผิดแกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านกับนักวิชาการรวม 12 คนกับความผิดมาตรา 116 ยิ่งเป็นภาพสะท้อนถึงความพยายามปิดปากฝ่ายต้องการแก้ไขได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าประเด็นนี้จาตุรนต์ ก็ไม่พลาดที่จะพูดถึงเหมือนกัน โดยฟันธงอย่างตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นช่างประจานประเทศตัวเองกันได้เก่งจริง ๆ จับตัวผู้สื่อข่าวต่างประเทศไปจากโรงแรมแล้วกักไว้ 5 ชั่วโมง ขู่จะเนรเทศและไม่รับรองความปลอดภัยถ้ายังไม่หยุดทำข่าวผู้เห็นต่างจากรัฐบาล แจ้งจับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน 7 พรรคจากการพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญตามกติกาในรัฐธรรมนูญเอง จึงติดแฮชแท็กเรียกร้องประยุทธ์พอได้แล้ว

จะว่าไปเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่ตอแหล ปลิ้นปล้อน เลิกเป็นพวกดีแต่พูด คนของพรรคประชาธิปัตย์นั่นแหละ ที่ต้องแสดงตัวตนให้ชัดเจน นอกจากชูประเด็นแก้ไขมาตรา 256 ที่จะทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ง่ายขึ้นแล้ว จริงจังกับการผลักดันขนาดไหน และต้องชี้ให้เห็นเป็นข้อ ๆ เลยว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีข้อบกพร่องตรงไหน อย่างไร เพื่อพิสูจน์ให้คนส่วนใหญ่เชื่อและไว้วางใจว่า ที่เสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เพื่อสร้างภาพหวังเข้าร่วมรัฐบาลสืบทอดอำนาจโดยไม่ถูกด่าเท่านั้น

ขณะที่ทางด้าน นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตคนเดือนตุลา ก็ให้เกรดเอฟสอบตกกับรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ แต่มุมของหมอเลี้ยบเป็นการทักท้วงและเสนอแนะอย่างมีเหตุมีผลกับทุกฝ่าย กล่าวคือ ในส่วนผู้มีอำนาจ ในระบอบประชาธิปไตยต้องฟังเสียงประชาชน โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องฟังเสียงประชาชนให้มาก เข้าใจว่าแม้นายกฯ จะมีความเห็นส่วนตัว แต่การฟังเสียงประชาชน จะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่า

ในส่วนนักการเมืองก็ขอให้มองไกลนึกถึงบ้านเมืองเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาและประชาธิปไตย ไม่แสวงหาวิธีการทางลัดด้วยการรัฐประหาร และขอฝากไปยังฝ่ายประชาธิปไตย อย่าเพียงแค่ยึดมั่นในผลประโยชน์ของพรรคของตนเท่านั้น นี่คือเหตุผลของคนที่ไม่เข้าข้างฝ่ายไหน แม้จะคุยอยู่และทำงานประสบความสำเร็จกับ 30 บาทรักษาทุกโรคมากับระบอบทักษิณก็ตาม แต่เตือนนักการเมืองทุกคนบนพื้นฐานของผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก

ไม่เพียงเท่านั้น หากย้อนกลับไปติดตามเวทีแสดงความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนหน้า สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือทีดีอาร์ไอ ก็ได้พูดเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างน่าสนใจ หากเราเปิดรัฐธรรมนูญฉบับนี้เรื่องนโยบายของรัฐ ก็จะเจอกับเรื่องของเศรษฐกิจ ตนคิดว่าที่น่าจะมีปัญหา คือปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวกับการเมือง เช่น กฎหมายข้อบังคับ ปัญหาอำนาจการรวมศูนย์ เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจฐานรากไม่มีความเข้มแข็ง

ด้านแผนยุทธศาสตร์ชาติ สมเกียรติก็ชี้ว่า หากมองดูดี ๆไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับการพัฒนาประเทศ เพียงแต่บางนโยบายเขียนโดยกว้างเกินไป และแผนยุทธศาสตร์ชาติไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับการเมือง และสุดท้ายคิดว่าไม่ควรนำมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพราะจะทำให้เห็นว่ารัฐราชการรู้ดีที่สุด ณ เวลานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่มีใครรู้ดีว่าปัญหาทุกปัญหาจะมีทางออกเพียงทางออกเดียว

เหตุที่เลี้ยวกลับมายังทัศนะของประธานทีดีอาร์ไอ เพื่อต้องการให้ฝ่ายกุมอำนาจได้มองเห็นว่า ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาและสมควรแก้ไข แต่ฝ่ายที่ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ มิหนำซ้ำ ยังโน้มเอียงไปในทางสนับสนุนขบวนการสืบทอดอำนาจเสียด้วยซ้ำ ยังมองไม่ต่างกัน ดังนั้น หากไม่กลัวเสียหน้า หากไม่กลัวเสียอำนาจ หากหวังดีต่อบ้านเมืองและประชาชนจริง ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่นแหละที่ต้องถือธงนำในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเจ้าปัญหาฉบับนี้

Back to top button