โดนหนัก..จนเป๋
*ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา “โมนิก้า” มีความคิดเห็นเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยไปในทางบวกมากกว่าทางลบอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดหุ้นไทยดำดิ่งเข้าสู่โซนขายมากเกินไปเป็นเวลาหลายวัน จึงน่าจะถึงเวลาเด้งกลับอย่างแข็งแกร่งเสียที แต่ทันทีที่ดัชนีทะยานกลับขึ้นมาได้จริง ๆ ดันไม่มีวอลุ่มเข้ามาซัพพอร์ตอย่างที่ควรจะเป็น ภาพในมุมบวกที่เคยมีอยู่ในหัวเดี๊ยนเลยหายไปหมดในพริบตาไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา “โมนิก้า” มีความคิดเห็นเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยไปในทางบวกมากกว่าทางลบอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดหุ้นไทยดำดิ่งเข้าสู่โซนขายมากเกินไปเป็นเวลาหลายวัน จึงน่าจะถึงเวลาเด้งกลับอย่างแข็งแกร่งเสียที แต่ทันทีที่ดัชนีทะยานกลับขึ้นมาได้จริง ๆ ดันไม่มีวอลุ่มเข้ามาซัพพอร์ตอย่างที่ควรจะเป็น ภาพในมุมบวกที่เคยมีอยู่ในหัวเดี๊ยนเลยหายไปหมดในพริบตาไงล่ะคะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ไม่วอร์รี่กับการอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่บริเวณ 1,612.17 จุด ลบไป 1.54 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.65 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นไฟต์บังคับที่ตลาดหุ้นไทยต้องเจอบททดสอบหนัก ๆ ก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปยืนเหนือบริเวณ 1,650 จุด ต่อจากนั้นค่อยขึ้นไปสร้างฐานใหม่บริเวณ 1,700 จุด ก่อนจะแสดงกำลังภายในให้ชาวหุ้นได้เห็นด้วยการขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,750 จุดนะจะบอกให้
*น่าเสียดายที่ทั้งหมดเป็นได้เพียงแค่ความฝันของพวกโลกสวย เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อวันวานก็เพิ่งโดนระเบิดทวารหนักแบบไม่ดูดำดูดี เรียกได้ว่าช่วงนี้ “หุ้นไทย” เจ็บหนักเหลือเกินพี่จ๋า! มันเลยมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการโยกย้ายเงินก้อนใหญ่อีกครั้ง เพราะมันไม่มีประเด็นที่จูงใจให้ถือหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กต่อไปเรื่อย ๆ เดี๊ยนถึงมีอาการระทวยอย่างบอกไม่ถูกพะยะค่ะ
*โดยเฉพาะในจังหวะที่หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวพยายามตั้งลำ เพื่อทะยานกลับขึ้นไปหายอดเดิมครั้งก่อนที่เคยทำไว้ แต่สุดท้ายกลับเป็นเพียงการประคองสถานการณ์ให้รอดพ้นไปวัน ๆ “โมนิก้า” ย่อมไม่แฮปปี้กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมันหมายถึงพายุระลอกใหม่กำลังจะซัดหุ้นไทยแบบไม่ปรานี และกลุ่มบลูชิพจะตกเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีแบบเลี่ยงไม่ได้นะตัวเอง
*เรื่องนี้ดูได้จากหุ้นปูนใหญ่ SCC พยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อทำให้ตัวเลขกำไรกลับมาสวย ๆ งาม ๆ แต่ดูเหมือน “ยิ่งทำ ยิ่งทรุด” จนตัวเลขไม่เป็นเหมือนกับที่ป่าวประกาศไว้ จนทำให้เก้าอี้ที่นั่งของเอ็มดีใหญ่ “รุ่งโรจน์” เกิดอาการสั่นคลอนครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบในการซื้อหุ้น หลังราคาหุ้นร่วงติดต่อกันร่วมสัปดาห์ จนล่าสุดหลุดแนวรับสำคัญ 400 บาท ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ 386 บาท ลบไป 3 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.85 พันล้านบาท มันน่ากลัวจริง ๆ นะจ๊ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องน่ากลัวขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงส่องกล้องมองไปยังหุ้นบัตรเครดิต KTC เพื่อชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงได้เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังราคาหุ้นทรุดลงมากองอยู่ที่ 39.75 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 956 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับสุดท้ายที่หุ้นตัวนี้มักเด้งกลับขึ้นมาเป็นประจำ จึงต้อง “นั่งลุ้น นอนลุ้น ตะแคงลุ้น” ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกครั้ง..หากไม่เป็นเหมือนกับที่เคยเป็นมา ระทมขมขื่นแน่นอนเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ CPN โดนรินหุ้นออกมาตลอดเวลา จนหาทางกลับบ้านไม่เจอ บวกกับปัญหาฟ้องร้องยังคาราคาซังอยู่แบบนี้ด้วยแล้ว “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่หุ้นมีอาการซึมกะทือต่อไปแบบไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นตัวแปรที่ทำให้ราคาหุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 62.25 บาท ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 255 ล้านบาท เพราะมันไม่มีอะไรดึงดูดใจให้ถือหุ้นอีกต่อไปนะนายจ๋า!
*ส่วนรายที่มีของดีอยู่ในตัว แต่ดันเล่นกันโหดสลัดรัสเซียอย่าง AMANAH กลายเป็นช็อตบรรลือโลกที่ทำเอาแมงเม่าอ้าปากค้างไปตามกัน เพราะไม่นึกไม่ฝันจะมีรายการสาดหุ้นล็อตใหญ่ออกมาท่ามกลางข่าวดีท่วมหัว วานนี้ถึงมีเสียงก่นด่าออกในทาง “ลากไปเชือด” เยอะแยะเต็มไปหมด พร้อมกับทำให้นักเล่นเกิดอาการขวัญผวาหนักขึ้นกว่าเดิม หลังเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 3.10 บาท ลบไป 0.42 บาท หรือลงไป 11.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 233 ล้านบาท อาจเป็นการเปิดทางลงต่ออย่างเป็นทางการ..ส่วนเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ ต้องดูกันอีกทีนะจ๊ะ
*เหมือนกับรายการ “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ที่เกิดขึ้นกับน้องดูดี DOD ก็มีเรื่องให้บรรดาแมงลือซุบซิบนินทากันไม่เลิก เพราะคนนั้นก็บอกว่าไม่รู้สาเหตุที่ทำให้หุ้นลง ส่วนคนนี้ก็บอกว่ายังถือหุ้นครบเต็มจำนวน ขณะที่คนโน้นก็บอกว่าหากลงมาอีกจะเก็บหุ้นเพิ่ม “โมนิก้า” เลยสงสัยเหลือเกินว่า ไอ้โม่งตัวไหนเป็นคนทำให้หุ้นเละเทะได้ขนาดนี้ จึงฝากบอกแฟนคลับให้รอดูวันปิดสมุดอีกครั้ง..แล้วจะได้รู้กันว่า ไผเป็นไผ ส่วนการดิ่งลงมาปิดที่ 9.30 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 10.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 256 ล้านบาท ขอให้ถือเป็นกรรมเก่าเจ้าค่ะ