KCM คงเป้ารายได้ปีนี้โต 20% เตรียมส่งสินค้าไปขายในฟิลิปปินส์ต้นปี 59

KCM คงเป้ารายได้ปีนี้โต 20% มั่นใจกำไรดีกว่าปีก่อน หลังได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง คาดได้ข้อสรุปการขยายตลาดสินค้าในฟิลิปปินส์ปลายปีนี้-เริ่มส่งสินค้าขายต้นปี 59


นายนิพนธ์ เจริญกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี.เมททอลชีท จำกัด (มหาชน) หรือ KCM เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 690 ล้านบาท และมั่นใจกำไรสุทธิจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 7.07 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีการวางแผนบริหารจัดการต้นทุนได้เป็นอย่างดี

ขณะที่บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปการขยายตลาดสินค้าทั้งผนังและหลังคาเหล็กในฟิลิปปินส์ในช่วงปลายปีนี้ และน่าจะเริ่มจำหน่ายได้ในช่วงต้นปี 59 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอแผนงานให้กับตัวแทนจำหน่ายในฟิลิปปินส์

ส่วนการขยายตลาดในประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่อีกรายที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำสินค้าประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้า ทั้งหลอดไฟและสายไฟ มาจำหน่ายในสาขาของบริษัทที่กำลังเตรียมจัดตั้งขึ้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือนนี้ และยังเจรจากับพันธมิตรรายอื่นๆ เพื่อร่วมมือในลักษณะเดียวกันเพิ่มเติมอีก

อนึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM เพื่อเป็นส่วนช่วยสนับสนุนซึ่งกันและกันในการทำตลาด จากเดิมที่บริษัทฯขายสินค้าโครงเหล็กหลังคาเหล็ก ก็จะทำให้บริษัทมีสินค้าประเภทระบบประตูและหน้าต่างของ BSM เข้ามาช่วยตอบโจทย์ผู้ซื้อสินค้ามากขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นด้วย และสินค้าจาก BSM ให้อัตรากำไรสูงกว่าสินค้าเดิมที่จำหน่ายอยู่

นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดสาขาย่อยใน จ.ขอนแก่น ชัยภูมิ และมหาสารคาม จำนวน 10 แห่งในปีนี้ เพื่อเป็นการทดลองระบบต่างๆ และคาดว่าจะสามารถขยายสาขาได้อย่างเต็มที่ในปี 59 เพื่อไปสู่เป้าหมายการมีสาขาย่อยครบ 92 สาขาภายในปี 60 จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีสาขาเดิมที่เป็นสาขาใหญ่และสาขาย่อยใหม่รวมทั้งหมด 30 สาขา

สำหรับสาขาบริษัทอยากจะให้เหมือนเซเว่นอีเลฟเว่นที่สามารถเข้ามาซื้อของได้ครบทุดชิ้นในการที่จะสร้างบ้านหนึ่งหลัง ซึ่งเราก็เริ่มหาพันธมิตรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เราได้ BSM ที่จะนำประตู หน้าต่าง เข้ามาขาย นอกจากนี้ เราก็ยังคุยกับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้า เข้ามาอีกด้วย แค่นี้เราก็มีเกือบทุกอย่างแล้ว แต่เราก็ไม่ได้หยุดหลังจากนี้เราก็คงจะมีพันธมิตรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และไม่ได้อยู่

 

Back to top button