“หมอสุวิน” โต้ข่าวลือธุรกิจมีปัญหาทำ BEAUTY ดิ่งหนัก ยันธุรกิจยังแกร่ง-ผลงาน Q3 ฟื้น!

"หมอสุวิน" โต้ข่าวลือธุรกิจมีปัญหาทำ BEAUTY ดิ่งหนัก ยันธุรกิจยังแกร่ง-ผลงาน Q3 ฟื้น!


นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้น BEAUTY ลงมาต่ำกว่า 2 บาท/หุ้น ถือว่าเป็นการสะท้อนแรงเกินกว่าความเป็นจริง แม้ว่าหุ้น BEAUTY จะหลุดจาก SET100 และช่วงที่ผ่านมากำไรของบริษัทฯจะลดลง แต่เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบหลายด้าน อย่างไรก็ตามขณะนี้ผลประกอบการกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวแล้วในช่วงครึ่งปีหลังนี้

สำหรับกระแสข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับ BEAUTY ตอนนี้มีผู้ตั้งข้อสงสัยและตั้งคำถามถึงอนาคตทางธุรกิจของ BEAUTY ว่าส่อเค้ามีปัญหานั้น นายแพทย์สุวิน กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทยังคงเหมือนเดิม และมีการปรับเปลี่ยนแผนงานต่างๆ เพื่อให้ผลประกอบการดีขึ้น ซึ่งจะเริ่มเห็นได้จากผลประกอบการไตรมาส 3/62

“บอกได้เลยว่าพูดเกินเลยไปมาก ที่จริงบริษัทฯยังดีอยู่ และได้มีการปรับเปลี่ยนหลายอย่างเพื่อให้ธุรกิจดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งภาพจะเริ่มสะท้อนออกมาในผลประกอบการงวดไตรมาส 3/62 จากสิ่งที่บริษัทฯทำ ทั้งเรื่อง Muti-Channel ช่องทางการขายสร้างให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น…บริษัทฯก่อตั้งมา และก็ผ่านวิกฤตมาหลายอย่าง ธุรกิจ BEAUTY ก็ยังอยู่ได้ เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เรามี Muti-Channel เป็นการจัดการอย่างหนึ่งในการปรับตัว อย่างผลกระทบเรื่องนักท่องเที่ยวจีน ทางเราก็สร้าง Cross Border ในการหาตัวแทนขายสินค้าบนออนไลน์ในจีนด้วย” นายแพทย์สุวิน กล่าว

สำหรับตลาดจีนหลังจากที่เคยมีปัญหาในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแรงทั้งในด้านการจำหน่ายและการตลาด และไตรมาส 4/62 บริษัทก็จะมีความร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายที่เป็น General Trade ด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งในตลาดจีนเพิ่มขึ้นมาก

นอกจากแผนเพิ่มยอดขายแล้ว บริษัทได้มีการเน้นการควบคุมต้นทุนไปด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เห็นอย่างชัดเจนในไตรมาส 3/62 ขณะที่ในไตรมาส 4/62 ซึ่งเป็นช่วง High season บริษัทฯก็เตรียมพร้อมเปิดตัว (Launch) เพิ่มรายการสินค้าใหม่, การออกแพ็คเกจในรูปแบบของขวัญ (Gift set) รวมถึงเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการ”ชิมช้อปใช้”ด้วย ซึ่งต่างก็เป็นปัจจัยบวกใหักับ BEAUTY

ล่าสุดราคาหุ้น BEAUTY ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 2.06 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 7.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 229.22 ล้านบาท

Back to top button