Daily View – P.M. – บล.กสิกรไทย

Tactical Move

เดินเกมกลยุทธ์บ่าย

สรุปภาวะตลาดเช้า

SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 2.31 จุด (0.14%) ปิดภาคเช้าที่ 1,636.77 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28,330.51 ล้านบาท

Most Positive Impact: CPALL (+1.07 จุด), GULF (+0.51 จุด), TOA (+0.48 จุด)

Most Negative Impact: ADVANC (-1.13 จุด), IVL (-0.8 จุด), PTT (-0.68 จุด)

แม้ตลาดหุ้นจะยืนแดนบวกได้แต่มีความผันผวนพอสมควร โดยกรอบบนยังค่อนข้างจำกัดที่ 1,635/1,640 จุด เนื่องจากตลาดรอดูความแน่นอนจากการลงนามข้อตกลงบางส่วนระหว่างสหรัฐฯ-จีน นอกจากนี้ตลาดมีแรงกดดันจากกลุ่มปิโตรฯและโรงกลั่นจากความกังวลค่าการกลั่น และผลประกอบการไตรมาส 3 รวมถึงรอติดตามการผ่านร่างพรบ.งบประมาณปี 63 วาระแรก

แนวโน้มตลาดบ่าย

บ่ายนี้คาด SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,640 จุด คาดตลาดรอประเมิณการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกในวันที่ 13-14 พ.ย.นี้ มองการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกจะช่วยจำกัด downsides ของตลาดในระยะนี้ก่อนที่การค้าโลกจะฟื้นตัวในปีหน้าจากแนวโน้มที่สหรัฐฯ-จีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าบางส่วนใน 4Q19

แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยต่ำเช่น โรงไฟฟ้า, REITs, Infra fund, และ Non-bank

กลยุทธ์การลงทุน เน้นลงทุนในกลุ่มที่มีปัจจัยหนุน และกำไร 2H19 มีแนวโน้มดี

1) กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ CPALL BTS ORI TFFIF STEC

2) กลุ่มปันผลสูง JASIF LH TISCO TCAP

3) กลุ่มสื่อสารได้ประโยชน์จากการแข่งขันลดลง (รายได้เพิ่ม ต้นทุนลด) TRUE DTAC ADVANC INTUCH

4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก IMO 2020 TOP PRM BGC

5) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้น AOT ERW MINT CENTEL

6) ปัจจัยเฉพาะตัว CPF GUNKUL TPCH JAS SAWAD OSP TKN MEGA TU GFPT BDMS IVL

ประเด็นเศรษฐกิจสำคัญ

ได้แก่ วันนี้ติดตามการอภิปราย พรบ.งบประมาณปี 2563 ของไทย (วาระแรก) และการประชุมผู้นำ EU เรื่องการเลื่อนกำหนดเส้นตาย Brexit รวมถึงโอกาสเห็น Brexit deal รวมถึงสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐฯ(คาด +2.88 ล้านบาร์เรล) วันศุกร์ ติดตามGDP 3Q19 ของจีน (คาด 6.1% YoY ชะลอจาก 2Q19 ที่ 6.2% YoY) และสหรัฐฯจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป

หุ้นแนะนำ CPF TKN STEC