Market Sentiment ต่อ “สมคิด”

มีโอกาสได้พูดคุยกับบุคคลในแวดวงตลาดหุ้น


ธนะชัย ณ นคร

 

มีโอกาสได้พูดคุยกับบุคคลในแวดวงตลาดหุ้น

เกือบจะ 100% ต่างบอกว่าจะมี Market Sentiment เชิงบวก หาก “นายกฯตู่” เปลี่ยนแปลงรองนายกรัฐมนตรี ที่คุมงานฝ่ายเศรษฐกิจมาเป็นคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คิดแบบนี้

นักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนสถาบันฯก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน

แม้นักรบโบราณจะเคยบอกว่า “ไม่ควรเปลี่ยนม้ากลางศึก” เพราะจะทำให้แผนการรบพัง แต่ก็น่าจะมีบางกรณีได้รับการยกเว้นบ้างแหละ

คำตอบของผู้บริหารในรัฐบาล คสช. ฟังแล้วอาจขัดใจซักหน่อย

โดยเฉพาะประเด็นที่บอกว่า เศรษฐกิจไทยเราไม่ดี เพราะต่างประเทศ และทั่วโลกเขาไม่ดี

หากคิดแบบนี้ ก็เหมือนยกธงขาว

แล้วมีปุจฉาว่า ต้องคิดแบบไหน?

ก็ต้องคิดว่า เราจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้อย่างไร และต้องทำยังไงให้เศรษฐกิจของเราเติบโตสวนกับปัญหาได้

ทางแก้ คือ เราต้องการคนที่มาวางนโยบายใหม่ว่า จะต่อสู้กับเศรษฐกิจขาลงได้อย่างไร อาจต้องทำเรื่องของ SWOT Analysis ประเทศไทยกันออกมาใหม่หรือไม่

อะไรคือ “จุดแข็ง” และ “โอกาส” ของเรา

และอะไรคือ “อุปสรรค” และ “จุดอ่อน”

บางสถานการณ์เราก็ต้องเลือกใช้ “นักการตลาด” มากกว่า “นักบริหาร” หรือมีความสามารถเป็นทั้งนักการตลาดและนักบริหารไปพร้อมๆ กัน

นักการตลาดที่เก่ง มือฉมัง มักจะมองเห็น “โอกาส” ครับ

และคุยกับประชาชน ฟังแล้วรู้เรื่อง เข้าใจง่าย

การเปลี่ยนม้ากลางศึกในบางสถานการณ์จึงได้รับข้อยกเว้น หากมันทำให้เรามีชัยชนะในการรบ

ประเด็นของปัญหาคือว่า ระหว่างความเกรงใจ และความอยู่รอดของประเทศ คนที่มีอำนาจจัดการควรเลือกวิธีการแบบไหนกันดีล่ะ

ขณะที่รู้ทั้งรู้อยู่ว่าคนเป็นที่ปรึกษา กับคนที่มีอำนาจในการวางนโยบาย สั่งการ และเซ็นงานนั้น แตกต่างกันเยอะ

ความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักธุรกิจ ที่มีต่อสองตำแหน่งนี้ก็แตกต่างกัน

ข้าราชการ หรือคนที่นำนโยบายไปปฏิบัติก็มีการตอบสนองแตกต่างกัน เพราะส่วนใหญ่ยังไงก็ต้องฟังคนที่มีอำนาจสั่งการไว้ก่อน

ถึงนายกฯตู่ จะปฏิเสธข่าวว่ายังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี

แต่ข่าวออกมาตรงกันในหลายๆ สื่อแทบจะรายวันแบบนี้ ทำให้เชื่อว่า จะมีการปรับครม.แน่นอน

แถมมีกองเชียร์ให้ปรับเยอะเสียด้วย

ผ่านมาถึงวันนี้ ผมก็ไม่ทราบว่า นายกฯตู่รออะไรอยู่ นักลงทุนก็น่าจะคิดแบบที่ผมคิดเช่นกันว่ารออะไรล่ะ

วานนี้อ่านในคอลัมน์ท้าทายวิชามารโดย “ใบตองแห้ง” เขาบอกว่า การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มาจากรัฐประหารอาจมี “แรงกระเพื่อม” มากกว่าการปรับ ครม.ที่มาจากการเลือกตั้ง

สรุปคือ เป็นเรื่องที่ “อ่อนไหว”

เลยทำให้เข้าใจไปได้ว่า คงต้องมีการเจรจาเพื่อทำความเข้าใจกันพอสมควร หรือไปเคลียร์กันก่อนหรือเปล่า

และกว่าจะแล้วเสร็จ ก็คาดว่าน่าจะมีการปรับ ครม.ได้ในเดือนกันยายนนี้  และเป็นช่วงเวลาที่ข้าราชการเกษียณอายุพอดีเพราะอาจมีบางคนถูกจับมาเป็นรัฐมนตรีในครม. “ประยุทธ์ 2”

จริงแล้วในบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง ต่างก็เขียนถึงการปรับครม. คือให้จับตา

และหากจับประเด็นกันดีๆ ก็จะมองได้ว่า เหมือนจะสนับสนุนให้มีการปรับ (ถึงจะไม่ได้ระบุโดยตรง) และมองว่าเป็นปัจจัยบวกเสียด้วยซ้ำ

แม้จะมีฝ่ายออกมาค้านการปรับครม. ด้วยการบอกว่าถึงปรับก็จะไม่ส่งผลอะไร หรือไม่น่าจะมีอะไรดีขึ้น

แต่อย่างน้อย Market Sentiment ก็เป็นเชิงบวกแหละ

รวมถึงขวัญและกำลังใจด้วย

Back to top button