TU พร้อมขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 26-28 พ.ย.นี้ ชูเรทติ้ง “A-“

TU พร้อมขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 26-28 พ.ย.นี้ ชูเรทติ้ง “A-“ ผลตอบแทนในระดับ 5% ต่อปีในช่วง 5 ปีแรก มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดีเยี่ยม


บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ระบุว่า บริษัทเชื่อนักลงทุนให้ความสนใจตอบรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัท ด้วยความมั่นใจในศักยภาพและความแข็งแกร่งทั้งโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินของ “ไทยยูเนี่ยน” ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก

ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในหุ้นกู้ฯ ที่ให้ผลตอบแทนในระดับ 5% ต่อปีในช่วง 5 ปีแรก ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ A- ตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและเป็นหุ้นกู้ฯที่ออกโดยบริษัทที่มีความมั่นคงสูง

ทั้งนี้ “หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ” กำลังจะออกและเสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไปในวงเงินจำนวน 4 พันล้านบาทและมีหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 พันล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 6 พันล้านบาท ในระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายนนี้

โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2562 ผู้ออกหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดในวันครบกำหนด 5 ปี หรือตามเงื่อนไขอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลฯ และร่างหนังสือชี้ชวน และมีอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี ในช่วง 5 ปีแรกโดยจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือผู้ลงสถาบันผ่านธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ บริษัทหลักทรัพย์ภัทร

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TU เปิดเผยว่า เชื่อว่านอกจากนักลงทุนจะพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ความมั่นคงของกิจการของผู้ออกตราสาร รวมถึงโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรม ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา เป็นบทพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของไทยยูเนี่ยน ที่สามารถผลักดันให้บริษัทขึ้นสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจอาหารทะเลในระดับโลก ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมีแบรนด์ที่เข้มแข็งกว่า 14 แบรนด์ที่ขยายไปทั่วโลก

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่โอกาสในการเติบโตอย่างมีศักยภาพ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องการดำรงชีวิต และเมื่อแนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ไทยยูเนี่ยนก็ยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยน เมื่อปี 2558 เพื่อเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือทั่วโลกอีกด้วย และบริษัทยังให้ความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยีนและมีความรับผิดชอบในทุกมิติทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และ สังคม เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เชื่อว่า นักลงทุนจะให้การตอบรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ของไทยยูเนี่ยนด้วยดีอย่างแน่นอน

Back to top button